กรุงเทพฯ – นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ แนะเกษตรกรปรับตัว เปลี่ยนแนวคิด ทำเกษตรวิถีใหม่ ใช้ข้อมูล เทคโนโลยี การตลาดสมัยใหม่ นำการผลิต
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย นำทีมผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และยงยุทธ เลารุจิราลัย Young Smart Farmer เจ้าของสวน The FIGnature ร่วมเสวนาหัวข้อ ‘ทางรอดปลอดภัย สู่เกษตรวิถีใหม่ที่ยั่งยืน’ ในงานสัมมนาภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2563 และแนวโน้มปี 2564 : เดินหน้าเกษตรวิถีใหม่ ขับเคลื่อนไทยอย่างยั่งยืน โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดงาน และนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก แสดงปาฐกถาพิเศษ
นายปริญญ์ ระบุว่า ปัญหาของการทำเกษตรกรรมรูปแบบเดิมที่ไม่รู้ต้นทุนและไม่คำนึงถึงตลาด ทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้น้อย ขาดทุน และมีภาระหนี้สิน เกษตรกรหลายคนไม่ได้ใช้ยุทธศาสตร์ในการหาตลาดก่อนจะผลิตสินค้า แต่เลือกที่จะผลิตออกมาก่อนแล้วค่อยหาช่องทางการตลาด ปัจจุบัน อาจจะยังพออดทนและสู้ต่อได้ แต่ในอนาคตที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะทำให้อยู่ไม่ได้ ดังนั้น จึงควรต้องปรับตัวเข้าสู่การเกษตรวิถีใหม่ ด้วยการใช้ข้อมูล อันเป็นสิ่งสำคัญในยุค 4.0 มาพิจารณาว่า สินค้าใดที่เป็นความต้องการที่แท้จริงของตลาด เพื่อให้สามารถอยู่รอดและแข่งขันกับผู้อื่นได้ โดยจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ที่ช่วยผลักดันให้เกษตรกรไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน อาทิ
การทำข้อมูลให้สมบูรณ์ (Data cleansing) เนื่องจากภาครัฐและเอกชนมีข้อมูลอยู่จำนวนมาก แต่ยังขาดการตรวจสอบแก้ไข คัดเลือกข้อมูล ปรับปรุง และการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อข้อมูลมีความสมบูรณ์ ก็จะช่วยให้การนำข้อมูลไปใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การที่กระทรวงพาณิชย์นำระบบบล็อกเชน (Blockchain) TraceThai.com มาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร (Traceability) หากกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์นำบล็อกเชนมาใช้ในการจัดการข้อมูลส่วนกลางที่กำลังทำร่วมกันตอนนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพของข้อมูลและการนำไปใช้ สะดวก ปลอดภัย และแม่นยำ มากขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ทีดีอาร์ไอ จัดเวิร์คชอป “ CONTENT CREATOR WORKSHOP: SYNERGY FOR CLEAN ENERGY”
- รมว.ท่องเที่ยว ชวนลอยกระทง "สีสันแห่งสายน้ำฯ" สร้างสรรค์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- ททท. จัดงานใหญ่ "วิจิตรเจ้าพระยา 2024" สวยงามตระการตา กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปีนี้
- วธ.จัด“ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” น้อง“หมูเด้ง” Thai Cuteness ร่วมสร้างสีสัน
นายปริญญ์ กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนนโยบาย เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ของนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กระตุ้นให้เกิดยุทธศาสตร์ ‘การตลาดนำการผลิต’ เพื่อช่วยให้เกษตรกรปลูกพืชได้ตรงกับความต้องการของตลาด มีตลาดรองรับ และรู้ถึงต้นทุนในการผลิตที่ต้องใช้ ทั้งแรงงานคนและที่ดิน รวมถึงสามารถคำนวณความคุ้มค่าในอนาคตได้ ผสมผสานระหว่างองค์ความรู้ การทำเกษตรวิถีใหม่ ควรผสมผสานระหว่างองค์ความรู้เดิมอย่างปราชญ์ชาวบ้านที่มีอยู่แล้วเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อทำให้สิ่งที่มีดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีก ประกอบกับใช้ความรู้และข้อมูลจากบุคคลที่มีความสามารถอย่างภาครัฐและเอกชน มาช่วยส่งเสริมและต่อยอดไปสู่ตลาดระดับภูมิภาคและตลาดโลก ด้วยเทคนิคการทำตลาดยุคใหม่ ที่มีทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ (Omni Channels)
กระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ เป็นเรื่องที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจการเกษตรให้ความสำคัญ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างรายได้ไปพร้อม ๆ กับการลดต้นทุนการผลิต พยายามหาอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาพัฒนาควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อตอบโจทย์ตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หรือโฟกัสนิช มาร์เก็ต (Niche Market) เช่น การจัดสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องและเป็นธรรม ผ่านการสร้างมาตรฐานใหม่ให้สหกรณ์ องค์กรที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจชุมชน อันมีองค์ความรู้ทางการเงินเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งสหกรณ์ที่มีคุณภาพ จะทำให้เกษตรกรเข้มแข็งได้ในระยะยาว และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการแข่งขันทางการค้า หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน จะทำให้เราสู้ได้
“การก้าวสู่เกษตรวิถีใหม่ แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่สิ่งสำคัญคือ ‘คน’ ที่ต้องปรับความคิด และปรับตัวจากวิถีเดิมไปสู่วิถีใหม่ ซึ่งเกษตรกรหลายคนอาจไม่ได้ปรับตัวกันง่าย ๆ เพราะต่างคนต่างมีทางเลือกและองค์ความรู้แตกต่างกันไป บางคนอาจมีองค์ความรู้อยู่แล้ว บางคนเลือกที่จะเรียนทางลัด สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีได้เร็ว หรือบางคนเข้าถึงการช่วยเหลือของภาครัฐได้ไวกว่า ทั้งหมดนี้จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างองค์ความรู้และกำหนดดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางการทำงานของเกษตรกร รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่กลับไปพัฒนาเกษตรกรรมในพื้นที่บ้านเกิด แม้การบูรณาการเป็นสิ่งที่ยาก แต่ต้องทำให้ได้ เพราะโลกปัจจุบันมีความท้าทายมาจากหลายมิติ การแข่งขันก็มาจากหลายมิติเช่นเดียวกัน” นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: