กรุงเทพฯ – เอไอเอส เดินหน้านำเทคโนโลยี 5G ช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย
พร้อมเปิดสวิตซ์ คลื่น 26 GHz ที่มีมากที่สุด ผนึก SNC นำร่องในพื้นที่อีอีซี
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ปี 2564 นี้ ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับการเดินหน้าประเทศ ทุกภาคส่วนต้องผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ เอไอเอสในฐานะผู้พัฒนา Digital Infrastructure ยึดมั่นในบทบาทนี้เช่นกัน และด้วยการถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ เทียบเท่ามาตรฐานโลก ได้ร่วมทำงานกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิต Device ระดับโลก ทดสอบ 5G โซลูชั่นส์กับพาร์ทเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรม พร้อม ๆ กับการลงทุนพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง จนครบ 77 จังหวัดเป็นรายแรก พร้อมครอบคลุม 100% สำหรับพื้นที่ใช้งานใน EEC ด้วยงบลงทุนในปี 2563 จำนวน 35,000 ล้านบาท สำหรับปี 2564 นี้ เอไอเอสเตรียมงบลงทุนเครือข่ายรวม 25,000 – 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเครือข่ายทั้ง 5G และ 4G อันจะเป็นการยกระดับสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเพื่อประโยชน์ของประเทศต่อไป
ล่าสุด วันนี้ เอไอเอส โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz (25.2 – 26.4 GHz ) ได้ชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz เป็นเงิน 5,719 ล้าน 150,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเอไอเอสเป็นเพียงรายเดียวที่มีคลื่น 26 GHz ย่านความถี่สูง ในปริมาณแบนด์วิธมากที่สุดถึง 1200 MHz และพร้อมแล้วในการเปิดให้บริการทันที โดยคุณสมบัติของคลื่น 26 GHz ถือได้ว่าตอบโจทย์การดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง
– เนื่องจากเป็นย่านความถี่สูงและมีปริมาณแบนด์วิธมากที่สุด มีความสามารถในการรองรับการใช้งานได้มหาศาล จึงทำให้ลงเครือข่ายได้อย่างเฉพาะเจาะจงในพื้นที่ของแต่ละโรงงาน อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องการกวนกันของคลื่นสัญญาณ
– สามารถออกแบบเครือข่ายได้อย่างสอดรับกับลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกันของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– มีความหน่วงต่ำมาก สามารถตอบสนองการทำงานของอุปกรณ์ในสายพานการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– มีระดับความเร็วของการส่ง Data ไร้สายเสมือนวิ่งอยู่บนสายไฟเบอร์
– ติดตั้งสถานีฐานได้ง่ายดายและรวดเร็ว เพราะอุปกรณ์มีขนาดเล็ก
จึงเป็นที่มาของการเน้นย้ำถึงโอกาสของการนำคลื่น 26 GHz มาให้บริการทันที อย่างสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาพรวม ด้วยการขับเคลื่อนผ่านโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี นั่นเอง
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ กล่าวด้วยว่า ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอส เดินหน้าผนึกผู้นำอุตสาหกรรมระดับประเทศ อย่างสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ในการร่วมทุนตั้ง บริษัท สห แอดวานซ์ เน็ทเวอร์ค พัฒนาด้าน ICT Infrastructure และเทคโนโลยี 5G, อมตะ คอร์ปอเรชัน ร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City), สวนอุตสาหกรรมบางกะดี พัฒนาสวนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ, สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ในการยกระดับภาคการผลิต และ ปตท. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี 5G สร้างนวัตกรรม Unmanned ภายในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง โดยล่าสุด ได้ร่วมกับ เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) ผู้ผลิตกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศในพื้นที่ EEC นำเทคโนโลยี 5G มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตภายในโรงงาน โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทดลองการใช้งานบนคลื่นความถี่ 26 GHz แล้วและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง พร้อมเป็นต้นแบบของการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การเป็น Digital Industrial ต่อไป
ด้าน ดร.สมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธาน EEC Industrial Forum กล่าวถึงการผลักดันเทคโนโลยี 5G ในพื้นที่อีอีซีว่า จุดมุ่งหวังหนึ่งของอีอีซี อินดัสเทรียล ฟอรั่ม คือ ต้องการพัฒนา Recourses ทั้งทรัพยากรบุคคล และทรัพยากรด้านดิจิทัล โดยมีกลุ่มผู้นำจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาร่วมกันเชื่อมประสานพัฒนาความก้าวหน้าที่เป็นจริง สัมผัสจับต้องได้ ผมรู้สึกดีใจที่ในวันนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G เราไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นแกนหลักโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
โดยเทคโนโลยี 5G จะถูกเชื่อมโยงเข้ามาในบทบาทของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อการตอบสนองแบบ Real Time รองรับภาคการผลิต การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ ระบบโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ การให้บริการด้าน Smart Logistic, IoT และนวัตกรรมต่าง ๆ การบริหารจัดการคมนาคม ทั้งทางเรือ หรือสนามบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และปรับฐานอุตสาหกรรมเดิมในพื้นที่่ ผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชนในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เขตพื้นที่อีอีซี มีศักยภาพสูงด้านการลงทุน ทั้งในไทยและนักลงทุนจากทั่วโลก
ส่วนนายสมชาย งามกิจเจริญลาภ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มุ่งมั่นปรับระบบการผลิตให้มีความยืดหยุ่นทันต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปี 2563 ที่ภาคอุตสาหกรรมไทยต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยี จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเชื่อมต่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยเอไอเอส เป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์ภาคการผลิตได้อย่างลงตัว
ปัจจุบัน ได้ประยุกต์ใช้ใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.5G AGV เป็นการใช้ 5G ควบคุม และสั่งการรถ AGV (Automated Guided Vehicles) ที่ใช้สำหรับการขนส่งชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตภายในโรงงาน และระหว่างโรงงาน เพื่อให้การขนส่งชิ้นส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตให้โรงงาน 2.5G Smart Robot เป็นการใช้ 5G ควบคุม สั่งการ ในส่วนของ แขนกลหุ่นยนต์ (Robot) ที่ใช้งานในส่วนสายการผลิตที่เกี่ยวข้องเช่น Press, Brazing, CNC, Heat& Cool และ Assembly line เป็นต้น โดยเทคโนโลยี 5G จะนำมาช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human error) และช่วยสร้างความปลอดภัย, ลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนได้ 3. 5G Active Dashboard การประยุกต์ใช้งาน 5G ในการเชื่อมต่อระหว่าง Server และ Machine เพื่อให้สามารถ Monitoring สายการผลิตต่างๆ นำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้โรงงานเป็น Smart factory อย่างแท้จริง”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: