กรุงเทพฯ – นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ลงพื้นที่รับฟังความเดือดร้อนจากศิลปิน-ดีเจ-ผู้ประกอบธุรกิจกลางคืน หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 และไม่ได้รับการเยียวยามานานกว่าปี เรียกร้องรัฐช่วยเหลือคนทุกกลุ่มอย่างจริงจัง เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้พบกับ ‘บอย’ สรวุฒิ เยี่ยมพัฒน์ เจ้าของร้านอาหารนั่งดื่มหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร พบว่า เมื่อต้องหยุดกิจการตามประกาศของ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะรายรับไม่มีแต่ยังต้องดูแลพนักงานกว่าพันคน รวมทั้งไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล และไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินมาใช้หมุนเวียนได้ เนื่องจากเข้าเงื่อนไขเป็นธุรกิจที่รายได้ไม่มั่นคง ทำให้ต้องปรับโมเดลธุรกิจมาขายอาหารซีฟู้ดและให้บริการพ่นเคลือบน้ำยาฆ่าเชื่อโรคชั่วคราวเพื่อสร้างรายได้ให้พนักงานอยู่รอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หากยังไม่ได้รับการเยียวยา หรืออนุญาตให้เปิดกิจการเต็มรูปแบบได้ในเร็ว ๆนี้ เกรงว่าจะไปต่อไม่ไหว ทั้งนี้หวังว่าคนไทยจะได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ภาคธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังร่วมพูดคุยกับศิลปินชื่อดังอย่าง ‘เจ’ เจตริน วรรธนะสิน, ‘โจอี้ บอย’ อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต, วิน ศิริวงศ์ และกลุ่มดีเจแนวหน้าของไทย ถึงความเดือดร้อนในช่วงนี้ ซึ่งทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ลำบากกันถ้วนหน้า เพราะรายได้ลดลง และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับการเยียวยาด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีรายได้รวมปี 2562 เกินที่รัฐบาลกำหนด ทำให้ผู้ที่มีรายได้มากกว่าต้องมาช่วยเหลือเพื่อนร่วมอาชีพด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง และบางส่วนต้องทำอาชีพเสริมเพื่อเลี้ยงชีพ รอวันที่เศรษฐกิจจะกลับมาเดินต่อได้ จึงอยากวอนภาครัฐให้มีมาตรการมาช่วยเหลือภาคธุรกิจกลางคืนเหมือนเช่นกลุ่มคนอื่นบ้าง เพราะโควิด-19 ส่งผลกระทบหนักต่อทั้งรายได้และจิตใจของประชาชน
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ระบุว่า ในสภาวะปกติ ธุรกิจกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ พนักงานบริการ วงดนตรี หรือแม้แต่ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อประเทศเราต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ ในการเสียสละหยุดกิจการ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัส แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาเหมือนกลุ่มอาชีพอื่น ทั้ง ๆ ที่ประกอบอาชีพสุจริต และทำถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นภาครัฐควรเข้ามาดูแลกลุ่มธุรกิจกลางคืนอย่างจริงจังมากขึ้น ไม่ควรละเลยหรือทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเมื่อใดที่โรคระบาดหายไป กลุ่มธุรกิจนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาประเทศไทย และทำให้เศรษฐกิจไทยเดินต่อไปได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: