กรุงเทพฯ – เปิดตัวโรงพยาบาลใหม่ ‘นวเวช’ ย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการด้วยบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน เข้าถึงง่าย ชูความโดดเด่นเรื่องเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
นายไกรวิน ศรีไกรวิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นวเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงพยาบาลนวเวช เกิดจากการร่วมทุนของ 3 กลุ่มทุนใหญ่ คือ นายณพ ณรงค์เดช ถือหุ้นในสัดส่วน 51%, บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 27% และเครือสหพัฒน์ สัดส่วน 18% ใช้งบประมาณลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 8.5 ไร่ ย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา ศูนย์กลางคมนาคมของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และมีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก
โรงพยาบาลนวเวช มีเป้าหมายที่จะให้บริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน เข้าถึงง่าย และเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา โดยมีจำนวนเตียงรองรับ 152 เตียง มีความสามารถในการบริการด้านสุขภาพทุกช่วงวัยครอบคลุมทั้ง 4 มิติสุขภาพ ได้แก่ ส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู ด้วยทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รองรับปัญหาสุขภาพและความแตกต่างของแต่ละบุคคล
“เราเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้รับบริการต้องเจอ เราจึงสร้างโรงพยาบาลนวเวชให้สามารถครอบคลุมทุกการรักษาระดับมาตรฐานสากล โดยผู้รับบริการจะได้รับการวินิจฉัยจากทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์ และได้รับการรักษาด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ค่ารักษาที่เข้าถึงง่ายและสมเหตุสมผล” นายไกรวิน กล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นวเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวด้วยว่า นอกจากความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์แล้ว โรงพยาบาลนวเวชยังมีเครื่องมือแพทย์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีศักยภาพและเทคโนโลยี สนับสนุนการบริการที่ทันสมัย ให้ความสำคัญกับการบูรณาการความรู้ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จึงก่อตั้ง ‘ศูนย์การเรียนรู้ด้านรังสีวินิจฉัย’ โดยความร่วมมือระหว่างฟิลิปส์ และโรงพยาบาลนวเวช เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และอัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะด้านรังสีวินิจฉัย ให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาล ฟิลิปส์และนวเวชมุ่งหวังว่า ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะช่วยยกระดับบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้า และนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: