กรุงเทพฯ – พรรคประชาธิปัตย์ รับหนังสือกลุ่มภาคีสาธารณสุข ที่ยื่น 3 ข้อเสนอพร้อมรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกว่า 200,000 รายชื่อ ผ่านรัฐสภา เร่งรัฐบาลนำเข้าวัคซีน mRNA ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์
วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่รัฐสภา นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ เลขานุการคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันรับหนังสือข้อเรียกร้องจาก นพ.สันติ กิจวัฒนาไพบูลย์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป รพ.เอกชน, ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทยสภา และ ดร.ทนพ.นราวุฒิ สุวรรณัง ตัวแทนภาคีบุคลากรสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน เพื่อให้รัฐบาลเร่งรัดการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA มาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย พร้อมหนังสือรวบรวมรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป ที่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องดังกล่าว กว่า 200,000 รายชื่อ
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ระบุว่า บุคลากรทางการแพทย์เป็นบุคลากรด่านหน้า ที่มีความสำคัญมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 ต้องให้การรักษาและเสียสละสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ตลอดเวลา ปัจจุบัน เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) กลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ เพราะนอกจากจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นต่อเนื่องแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่มีอย่างจำกัดด้วย หากพวกเขาล้มลงจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อระบบสาธารณสุขไทย พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และยินดีเป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนไปยังรัฐบาล ผ่านกลไกของรัฐสภา ที่มายื่นต่อประธานรัฐสภาและพรรคประชาธิปัตย์ ในวันนี้
ด้านตัวแทนภาคีบุคลลากรสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงสถานที่สำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยวิกฤตมีอยู่จำกัด จึงตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งการนำเข้า mRNA วัคซีน ที่ข้อมูลทางการแพทย์ชี้ว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันการเสียชีวิตและป้องกันการแพร่ระบาดได้ดีกว่าวัคซีน Virus Vector ที่ประเทศไทยมีอยู่ตอนนี้ จึงจัดทำข้อเรียกร้องและทำแคมเปญล่ารายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกว่า 200,000 รายชื่อ มายื่นที่รัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีน mRNA มาใช้เป็นวัคซีนหลักในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด โดยเฉพาะเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
โดยข้อเรียกร้องดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด messenger Ribonuleic Acid (mRNA) เช่น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และพิจารณาเลือกใช้วัคซีนชนิด mRNA เป็นวัคซีนหลักของประเทศ รวมถึงให้บริการฉีดแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2.รายงานและเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการ และผลการดำเนินเรื่องการจัดหาตลอดจนกระจายวัคซีนที่เป็นปัจจุบันโปร่งใสและตรวจสอบได้
3.นำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ มาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการแพร่เชื้อและความเสี่ยงของบุคลากรฯ เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญของระบบสาธารณสุขในตอนนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: