กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการเยียวยาโควิด ลดค่าไฟฟ้า-น้ำประปา ทั่วประเทศ เป็นเวลา 2 เดือน พร้อมสั่งพิจารณาแนวทางลดค่าเทอม ภาคเรียนที่ 1/2564 เคาะสัปดาห์หน้า
วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ทั้งของประชาชนและภาคธุรกิจ ทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 2 เดือน ดังนี้
มาตรการลดค่าไฟฟ้า เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 โดยใช้ฐานเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
♦ บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก
♦ บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย/เดือน หากน้อยกว่าหรือเท่ากับเดือน ก.พ. 64 คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง, กรณีมากกว่าเดือน ก.พ. แต่ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ให้จ่ายเท่ากับเดือน ก.พ., ระหว่าง 501-1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. +50% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ., เกิน 1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. +70% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
♦ กิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ใช้ไฟฟ้าฟรี 100 หน่วยแรก
ข่าวน่าสนใจ:
♦ กิจการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะ องค์กรไม่แสวงหากำไร และการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.64 โดยให้จ่ายค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (demand Charge) ตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้จ่ายจริง
มาตรการลดค่าน้ำประปา
ลดค่าน้ำประปา ลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ระยะเวลา 2 เดือน (สิงหาคม-กันยายน 64)
กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 12,000 ล้านบาท โดยให้การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ขอรับการสนับสนุนได้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ซึ่งมีประกาศให้สถานศึกษาภาครัฐ พิจารณาให้ความช่วยเหลือให้ส่วนลดเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เป็นกรณีพิเศษ โดย ครม.ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อแนวทางการลดค่าใช้จ่าย พร้อมให้ทำข้อเสนอโครงการในลักษณะรัฐร่วมสมทบภาระส่วนลดให้แก่สถานศึกษาบางส่วน เพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงให้ร่วมกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาแนวทางช่วยเหลือทางการเงิน แก่สถานศึกษาภาคเอกชน ที่ประสบปัญหาทางการเงินที่เหมาะสมด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: