องค์การซีเกรฝ่ายไทย – กฟผ. ร่วมแชร์ประสบการณ์เวทีสัมมนาออนไลน์ TNC – CIGRE WEBINAR 2021 กูรูด้านพลังงาน ชี้ เทคโนโลยี BESS ช่วยเสริมเสถียรภาพการบริหารจัดการไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หนุนทั่วโลกก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
รองศาสตราจารย์ ดร.ณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การซีเกรฝ่ายไทย ระบุช่วงหนึ่งระหว่างการถ่ายทอดสดการสัมมนา ผ่านเฟซบุ๊ก กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย www.facebook.com/EGAT.Official เมื่อ 14 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กระแสการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกได้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น แต่เนื่องจากความผันผวนของการผลิตไฟฟ้า ที่เป็นไปตามสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ ทำให้ต้องนำเทคโนโลยี Battery Energy Storage System หรือ BESS เข้ามาช่วยสร้างเสถียรภาพ
ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีแนวโน้มด้านราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับ BESS เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก ต่อเทรนด์การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน อีกทั้งราคาแบตเตอรี่ที่ลดลง ยังเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนารูปแบบการคมนาคมเข้าสู่สังคมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV มากยิ่งขึ้นในอนาคต
ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงเทรนด์การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันว่า สภาวะโลกรวนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกมีแนวคิดรณรงค์ใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Net Zero Emissions ในอนาคต ซึ่งประเทศไทยกำหนดแผนแม่บทให้สอดคล้องกับกระแสโลกดังกล่าว โดยในภาคการผลิตไฟฟ้า กฟผ. ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ Hydro-Floating Solar Hybrid ในพื้นที่เขื่อน 9 แห่งทั่วประเทศ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 2,725 เมกะวัตต์ ปัจจุบันติดตั้งที่แรก ณ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ถือเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
รวมถึงการพัฒนา Grid Modernization ให้มีความมั่นคงและยืดหยุ่นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้แก่ การพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) การติดตั้งระบบ Energy Storage ระบบ Battery Energy Storage System หรือ BESS ในพื้นที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ และสถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี และในภาคการขนส่ง กฟผ. ได้ส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV เพื่อลดการปล่อย CO2 โดยพัฒนา Application ชื่อว่า EleXA สำหรับค้นหาสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า ทำการติดตั้งสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า EleX by EGAT จำนวน 14 แห่ง และจะขยายเพิ่มอีก 30 แห่งในอนาคต รวมทั้งจำหน่ายเครื่องชาร์จประจุไฟฟ้าภายในบ้าน หรือ EGAT Wallbox และ พัฒนาแพลตฟอร์ม BackEN ที่สามารถจัดการและมอนิเตอร์การใช้พลังงานทั้งระบบ เพื่อนำข้อมูลมาจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการและทำให้ระบบไฟฟ้าของประเทศไทยมีความมั่นคง
ขณะที่ Mr.Wilhelm van Butselaar ผู้แทนจาก Wärtsilä Singapore และ Mr. Achal Sondhi ผู้แทนจาก Fluence Energy เสริมว่า เทคโนโลยี Battery Energy Storage System หรือ BESS ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และพลังงานฟอสซิล จะสามารถลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย (LCOE) ของระบบได้มากกว่าร้อยละ 25 หรือหากนำไปใช้ร่วมกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จะช่วยลดความผันผวนจากข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมและเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบให้มีความมั่นคง ถือเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตไฟฟ้า เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต
ผู้สนใจ สามารถรับชมการสัมมนาเต็มรูปแบบย้อนหลังได้ทางเฟซบุ๊ก กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย www.facebook.com/EGAT.Official และดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ http://www.cigre-thailand.org/webinar2021/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: