นนทบุรี – คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบ 4 ประเด็นควบคุมโควิด-19 เตรียมเสนอเปิดประเทศเฉพาะพื้นที่อย่างปลอดภัย อิงสถานการณ์ ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่
วันที่ 23 สิงหาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์โรคโควิด-19 ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแนวโน้มยังมีผู้ป่วยสูงแต่คงตัว แนวโน้มเริ่มลดลงจากจุดสูงสุด 23,000 ราย เหลือ 17,000 ราย และรักษาหายมากกว่า 22,000 ราย เนื่องจากมาตรการต่าง ๆ ทั้งการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกด้วยชุดตรวจโควิดอย่างง่าย ATK (Antigen Test Kit) และการรักษาตัวที่บ้าน/ชุมชน การเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 5-6 แสนโดส ฉีดไปแล้ว 27 ล้านโดส และผู้ที่รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็นร้อยละ 28
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ หารือ 4 ประเด็นสำคัญในการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อนำเสนอ ศปก.ศบค. ประกอบด้วย
1.การเปิดประเทศอย่างปลอดภัยภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ (Smart Control and Living with Covid-19) เตรียมเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านภาวะวิกฤต มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการระบาดของโรค ให้จำนวนผู้ป่วยหนักไม่เกินศักยภาพระบบสาธารณสุขรองรับได้ ใช้กลยุทธ์ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรง รวมถึงการพัฒนาวัคซีนใหม่อย่างครบวงจร มาตรการ D-M-H-T-T (D : Distancing คือ เว้นระยะห่าง, M : Mask Wearing คือ สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลา, H : Hand Washing คือ ล้างมือบ่อย ๆ, T : Testing คือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน T : Thai Cha Na คือ เช็กอินผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ) และ Universal Prevention เพิ่มการทำงานเชิงรุกด้วยหน่วยเยี่ยมบ้านเคลื่อนที่ (CCRT) ใน กทม. ปริมณฑล และพื้นที่ระบาด ให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจโควิดด้วยตัวเอง และคัดกรองด้วย Antigen Test Kit
2.เห็นชอบหลักการมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (บับเบิลแอนด์ซีล Bubble and seal) สำหรับสถานประกอบกิจการในพื้นที่ที่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ใช้แนวคิดกลุ่มคนที่แข็งแรงและอยู่เป็นกลุ่มในพื้นที่จำกัด ไม่ปะปนกับบุคคลภายนอก ใช้การสุ่มตรวจเพื่อประเมินสถานการณ์ ถ้าพบการติดเชื้อเกิน ร้อยละ 10 แยกไปรักษาที่ รพ.สนาม และเฝ้าระวังคนที่เหลือให้สามารถทำงานต่อไปได้ เมื่อครบ 28 วัน ตรวจภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ตรวจพบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานต่อไป กลับบ้านได้ ผลดีคือ ไม่ต้องปิดโรงงาน แรงงานได้ค่าจ้าง เศรษฐกิจไปต่อได้ โดยมีกลไกด้านการสื่อสารทำความเข้าใจ ให้คำแนะนำและระบบพี่เลี้ยง ด้านกำกับประเมินผล
3.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง เรื่อง การแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. …. และร่างกฎกระทรวง เรื่อง การยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. …. เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับพาหนะจากต่างประเทศที่จะเข้ามาประเทศไทยทั้งในด่านบก เรือ และอากาศ
4.สนับสนุนให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัด ร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้มีตัวแทนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังกล่าวถึงการล็อกดาวน์ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ส.ค.นี้ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินเป็นระยะ ทั้งเรื่องสถานการณ์และมาตรการต่าง ๆ และทุกเรื่องต้องรายงานเสนอ ศปก.ศบค.ให้เห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค รายงานที่ประชุมว่า ตั้งแต่ ก.ย. จนถึงปลายปี และปีหน้า ถ้าจะเปิดให้ประชาชนคลายล็อกกิจกรรมต่าง ๆ ต้องทำอะไรบ้าง หลัก ๆ คือ
1.ฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนตามแผน 2.ตรวจคัดกรองตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และใช้ชุดตรวจ ATK 3.ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการทำมาตรการต่าง ๆ (Universal Prevention) ต้องทำอย่างไร ซึ่งจะมีการขยายความประเด็นนี้อีกครั้ง หลัก ๆ ก็มี D-M-H-T-T และมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล รวมทั้งการประเมินมาตรการสาธารณสุขในการดูแลรักษาผู้ป่วยว่า ต้องมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ จะต้องเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์และมาตรการหลายส่วนประกอบกัน
ส่วนการเปิดประเทศนั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า เป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน แต่ไม่ได้หมายถึงการเปิดทั้งประเทศ แต่จะเป็นพื้นที่ ยกตัวอย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาอีกมาก เช่น การยังมีสายพันธุ์เดลตาระบาด ที่หลายประเทศเมื่อเจอสายพันธุ์นี้ก็มีการติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องอยู่ในการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
ด้าน นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ระบุว่า การเปิดประเทศและการควบคุมโรคต้องอิงสถานการณ์ ซึ่งในวันนี้จะมีมาตรการควบคุม เพื่อนำไปสู่การเปิดประเทศอย่างปลอดภัยและสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ได้เตรียมการและวางแผน โดยทั้งหมดต้องดำเนินการภายใต้การควบคุมโรคที่เสนออย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถเปิดประเทศได้ตามแผนกำหนด ถ้าสามารถทำได้ตามมาตรการควบคุมโรค ก็จะสามารถผ่อนคลายและฟื้นฟูประเทศได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: