กรุงเทพฯ – 2 กระทรวง ผนึกกำลังปลุกคนไทย ร่วมปลูกป่า 1 ล้านไร่ กับ กฟผ. หนุนมุ่งสู่ Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน)
วันที่ 20 ตุลาคม 2564 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดพิธีประกาศนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) และพิธีลงนามความร่วมมือโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมกับ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยได้รับเกียรติจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมในพิธี
นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า จากภาวะโลกร้อน ที่ทั่วโลกต่างมุ่งเน้นและตระหนักถึงความสำคัญ กับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ ‘Carbon Neutrality’ ประเทศไทยได้นำนโยบายดังกล่าว มากำหนดแนวทางด้านพลังงาน เศรษฐกิจ นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะประกาศจุดยืนดังกล่าวในเวทีระดับโลก โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เป็นศูนย์ อยู่ระหว่างช่วงปี ค.ศ.2065-2070 การประกาศนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ กฟผ. และโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันนโยบาย Carbon Neutrality ของประเทศไทย
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ขานรับนโยบาย Carbon Neutrality ซึ่งนำมาวางเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานของ กฟผ. ทั้งในส่วนการผลิตไฟฟ้า ระบบส่ง พลังงานหมุนเวียน นวัตกรรม และภารกิจสนับสนุนการชดเชยคาร์บอน
ไดออกไซต์ผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมภายใต้แนวคิด ‘EGAT Carbon Neutrality’ ตามเป้าหมายในปี ค.ศ.2050 ซึ่งมีแผนในการปลูกป่าปีละหนึ่งแสนไร่ รวมจำนวนหนึ่งล้านไร่ ระหว่างปี ค.ศ.2022-2031 ประกอบด้วย ป่าอนุรักษ์ ป่าชายเลน ป่าชุมชน และป่าเศรษฐกิจ โดยจะคิกออฟโครงการฯ ปลูกป่าชายเลน ที่จังหวัดชุมพร
คาดว่าทั้งโครงการฯ จะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์ได้จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะประสบความสำเร็จได้นั้น มาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
ด้านนายวราวุธ กล่าวเสริมว่า นอกจากการร่วมมือปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมในครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรฯยังจัดทำโครงการ T-VER ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทร่วมปลูก บำรุงรักษาและฟื้นฟูป่าในพื้นที่ของรัฐ โดยเอกชนจะได้รับแบ่งปันปริมาณคาร์บอนเครดิต ซึ่งการปลูกป่าหรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจาก จะมีประโยชน์ในเรื่องการดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์สาเหตุของปัญหาก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังมีผลประโยชน์ร่วมในเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation Co-benefit) ด้วย ขอขอบคุณ กฟผ. ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหา และลุกขึ้นมาประกาศเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนขององค์กร
บันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าว มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี โดยจะมีการร่วมกันจัดทำแผนและดำเนินงานสนับสนุนให้เกิดการปลูกป่า และบำรุงรักษาพื้นที่ป่าในการดูแลของแต่ละหน่วยงาน สนับสนุนระบบการผลิตกล้าไม้พันธุ์ดีที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ ผลักดันให้เกิดโครงการที่จะเสริมสร้างกระบวนการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจ และสังคม พร้อมร่วมมือพัฒนาต้นแบบศูนย์ การเรียนรู้ธรรมชาติ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศ พร้อมสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ร่วมแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงข้อมูลปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (คาร์บอนเครดิต) ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน
ข่าวน่าสนใจ:
โอกาสเดียวกันนี้ ยังมีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ ‘สานใจ ปลูกป่าล้านไร่ : Lower – Carbon Future for All’ โดยผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานพันธมิตร ที่มาร่วมลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ได้แก่ นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้, นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. มาร่วมอัปเดตสถานการณ์ทรัพยากรทางธรรมชาติของไทย และแนวทาง กลยุทธ์ รวมถึงเป้าหมายภายใต้ความร่วมมือโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ส่งเสริมศักยภาพในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซต์
ในงาน ยังมีการเปิดตัวโครงการ ‘ชวนยูปลูกป่า’ แนะนำ แอปพลิเคชัน ECOLIFE ที่จะชวนคนไทยมาร่วมกันปลูกต้นไม้ หนุนนำประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนไปด้วยกัน และเปิดตัวเพลง ‘1+1’ ซึ่งเป็นเพลงประจำโครงการปลูกป่าล้านไร่ของ กฟผ. โดยมี ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ เป็นทั้งผู้แต่งและขับร้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: