กระบี่ – นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ขอผู้ประกอบการรถบรรทุกเข้าใจ อย่ากดดัน เผย ไทยดูแลเยียวยาประชานดีที่สุด เป็นประเทศอันดับ 2 ของเอเปค เผย ปีหน้าเตรียมซื้อวัคซีนโควิด-19 อีก 65 ล้านโดส
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่ จ.กระบี่ ถึงการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 ว่า ขณะนี้ได้ทำสัญญาเพื่อจัดซื้อวัคซีน จำนวน 65 ล้านโดส โดยพิจารณาถึงการวิจัย พัฒนา และการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ในหลายประเทศแล้ว เช่น แบบพ่นจมูก เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินการเรื่องวัคซีนของประเทศให้เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์
นอกจากนี้ ไทยยังจัดสรรงบประมาณดูแลเยียวยาประชาชน สูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเปค รองจากประเทศชิลี โดยใช้งบประมาณไปถึง 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP เยียวยาฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความห่วงใยและกังวลต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชาชนในขณะนี้ ทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ รวมถึงราคาน้ำมัน และต้องการให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น จึงให้นโยบายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปอีกครั้ง เรื่องการปรับโครงสร้างการเกษตรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการหาแนวทางในการที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง และค่าเช่าที่นาเป็นไปตามกฎหมาย สำหรับโครงการประกันราคาข้าวที่ทำมานานนั้น แม้จะเกิดประโยชน์แต่ก็เป็นภาระ แทนที่จะทำให้เข้มแข็งแต่ก็ไม่เข้มแข็งอย่างที่ต้องการ ดังนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีการปฏิบัติใหม่ดำเนินการทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทางด้วย
พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยถึงแนวทางในการดูแลราคาน้ำมันขณะนี้ว่า รัฐบาลดูแลประชาชนทุกภาคส่วน ให้ดีที่สุด ยืนยันจะตรึงราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ให้กู้เงินเฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ เพื่อพยุงราคาและเตรียมพร้อมสภาพคล่องในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน ในช่วงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มผันผวน และคาดว่าเมื่อสถานการณ์การเข้าสูภาวะปกติ ราคาน้ำมันจะลดลง และในอนาคตต้องมีการสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศ 30% ด้วย
พร้อมขอความเข้าใจจากตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกทั่วประเทศ อย่าใช้แรงกดดันรัฐบาล เพราะต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่ม และต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อประเทศในขณะนี้ด้วย
