กรุงเทพฯ – พรรคกล้า แถลงยอมรับผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 เผย ฐานเสียงเดิมในเขตจตุจักรกลับมาแล้ว แต่พ้อ ผู้ใช้สิทธิน้อยเพียง 30% จากเหตุแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ การเปลี่ยนหน่วยเลือกตั้ง และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทำสับสน
วันที่ 30 มกราคม 256 ภายหลังทราบผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 9 (หลักสี่และจตุจักรบางส่วน) อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมของพรรคกล้า ได้แถลงข่าวยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา
โดยนายกรณ์ กล่าวขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้ นายอรรถวิชช์และพรรคกล้า เป็นกำลังใจและภูมิใจในคะแนนเสียงที่ให้มา ขอบคุณทีมงาน สมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคทุกคน ที่ทุ่มเทกันสุดตัว ยอมรับผิดหวังที่ไม่ได้รับชัยชนะ แต่เป็นพรรคใหม่และเป็นพรรคสตาร์ตอัป รุกแรง เร็ว เรียนรู้ และปรับตัว การเลือกตั้งครั้งนี้ได้บทเรียนและประสบการณ์ ว่าประชาชนต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น และการส่งสัญญาณชัดเจนว่าต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพรรคกล้ามาถูกทางแล้ว พรรคกล้าพร้อมลงสู่สนามเลือกตั้งใหญ่ ดังนั้น ใครที่มีแนวทางเดียวกัน ขอให้มาร่วมกันต่อสู้ให้เต็มที่
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวขอบคุณด้วยหัวใจในทุกคะแนนเสียงของประชาชนที่ให้ไว้ พร้อมแจ้งข่าวดี ฐานเสียงเดิมในเขตจตุจักร พรรคกล้ามาเป็นที่หนึ่ง ส่วนนายสุรชาติเป็นแชมป์เก่าหลักสี่ ก็ได้ไป ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคกล้าก้าวไปสู่พรรคการเมือง ที่เทียบเท่าพรรคก้าวไกล ที่มี ส.ส.ในสภาฯ 50 คน การเมืองใหม่และการเมืองคุณภาพเกิดแล้วใน กทม. ผลตัวเลขสะท้อนชัดเจน พรรคกล้าสามารถยืนเป็นมวยหลักใน กทม. โดยขึ้นมายืนได้เบอร์ 2 หรือ 3 ภูมิใจที่ได้ต่อสู้มาตลอด 30 วันมานี้
อย่างไรก็ตาม นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ผลจากการที่เขตจตุจักร ถูกแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่แบบพิสดาร และมีการเปลี่ยนหน่วยเลือกตั้งหลายจุด รวมถึงการสื่อถึงแต่เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ จึงทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสับสน คาดว่าเขตจตุจักรมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งต่ำมาก เพียงแค่ประมาณ 30% เศษเท่านั้น บางหน่วยก็เงียบเหงา ขณะที่เขตหลักสี่คึกคักมาก จึงขอฝากบอกคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรุงเทพมหานคร แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ ถ้าใครปลั๊กกับพรรคกล้า ขอเชิญมาร่วมกับพรรค เพื่อทำการเมืองเชิงคุณภาพ
