กรุงเทพฯ – กรมอนามัย ชี้ 5 ขนมหวานที่สื่อรักวันวาเลนไทน์ ประโยชน์น้อย แถมให้พลังงานสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วน ในระยะยาวได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า เทศกาลวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ คู่รักหลายคู่อาจเตรียมมอบของขวัญแทนใจให้แก่กัน นอกจากดอกไม้แล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนมหวาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความหวาน ความสุข ความรัก ซึ่งขนมหวานยอดนิยมที่ถูกนำมามอบให้แก่กัน ได้แก่ 1.ช็อกโกแลต 1 ชิ้นคำ ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี 2.คุกกี้ 1 ชิ้น ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี 3.สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต 1 ชิ้น ขนาด 35 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี 4.คัพเค้ก 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี และ 5.บราวนี่ 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี
เนื่องจากขนมเหล่านี้ให้พลังงานค่อนข้างสูง อีกทั้งความหวานที่ได้จากน้ำตาลที่เพิ่มลงไปนั้น จัดเป็นอาหารที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์น้อย (Empty Calories) หากกินโดยไม่มีการควบคุมบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่เหมาะสม และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนในระยะยาวได้
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวด้วยว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ใน 1 วัน ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม เพื่อไม่ให้ได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งพลังงานจากอาหารว่าง ขนม และเครื่องดื่ม ไม่ควรเกินวันละ 150-200 กิโลแคลอรี น ดังนั้น หากกินช็อกโกแลต คุกกี้ สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต ไม่ควรเกินวันละ 3-4 ชิ้น ส่วนคัพเค้กและบราวนี่ไม่ควรมากกว่า 1 ชิ้นต่อวัน
หากสามารถทำขนมเองได้ แนะนำให้เลือกสูตรหวานน้อย และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยใยอาหารจากธัญพืชต่าง ๆ หรือผลไม้รสไม่หวานจัด สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขนมมากินเองหรือเป็นของขวัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ ‘ทางเลือกเพื่อสุขภาพ’ และควรปรับพฤติกรรมการกิน โดยค่อย ๆ ลดความหวานลง และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: