กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ขอเร่งสร้างการรับรู้ ‘เจอ แจก จบ’ เป็นมาตรการเสริม เน้นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ/ภาวะเสี่ยง พร้อมเชิญชวนผู้สูงอายุ-กลุ่มเสี่ยง 608-กลุ่มเปราะบาง เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันรองรับโอมิครอน
วันที่ 2 มีนาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้เร่งสร้างการรับรู้ การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ‘เจอ-แจก-จบ’ แบบผู้ป่วยนอก (OPD case) เป็นมาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ควบคู่กับระบบการรักษาที่บ้าน/ชุมชน (HI/CI) เป็นทางเลือกสำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง และสมัครใจรักษาที่บ้าน พร้อมย้ำว่าผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนตามมาตรการและคำแนะนำของแพทย์ ระหว่างการรักษาตนเองที่บ้านอย่างเคร่งครัดด้วย
จากการติดตามระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก ‘เจอ แจก จบ’ ของกระทรวงสาธารณสุข ที่เริ่มดำเนินการ วันแรก วานนี้ (1 มี.ค.65) ยังไม่พบปัญหา โดยผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สามารถตรวจ ATK ด้วยตนเองที่บ้าน หรือเดินทางมาตรวจที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หากพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงและโรคประจำตัว หากไม่มีความเสี่ยงจะให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจ
ผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับยาตามระดับอาการ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มยาตามอาการ เช่น ลดไข้ แก้ไอ เจ็บคอ ขับเสมหะ, ยาฟ้าทะลายโจร และยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งจะมีการติดตามอาการหลังครบ 48 ชั่วโมง หลังจากนี้ จะมีการประเมินการดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของผู้ป่วยและระดับการระบาด
ข่าวน่าสนใจ:
นายธนกร กล่าวต่อว่า จากรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ (2 มี.ค. 65) จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิต 45 ราย เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปถึงบ 33 ราย (73%) (28 รายมีอายุ 70 ปีขึ้นไป) อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 10 ราย (22%) เมื่อพิจารณาการรับวัคซีนแล้วพบว่า ใน 45 รายดังกล่าว เป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนถึง 31 ราย (69%) ได้รับวัคซีน 1 เข็ม 3 ราย ได้รับวัคซีนเข็ม 2 เกิน 3 เดือน 7 ราย และได้รับวัคซีนเข็ม 2 ไม่เกิน 3 เดือน 4 ราย เห็นได้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตโควิดที่สูงนั้น เป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด
จึงขอย้ำว่า วัคซีนทุกชนิดที่รัฐบาลนำมาฉีดให้ประชาชน ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสิทธิภาพการป้องกันโรคเป็นไปตามมาตรฐาน มีประสิทธิภาพในการป้องกันป่วยรุนแรงและลดการเสียชีวิต แม้โอมิครอนจะไม่รุนแรง เชื้อไม่ลงปอด อัตราเกิดปอดอักเสบมีไม่มาก แต่ยังทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จึงขอชวนผู้สูงอายุและกลุ่ม 608 มารับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ซึ่งข้อมูลทางสาธารณสุขยืนยันว่าจะช่วยลดการเสียชีวิตได้ลงได้ 6 เท่า แต่หากรับเข็มกระตุ้นเข็ม 3 ขึ้นไป จะช่วยลดการเสียชีวิตลงถึง 41 เท่าเมื่อเทียบกับวัยเดียวกันที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
“ด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน พบการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง ประกอบกับมีการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก จึงขอย้ำให้ประชาชนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เข้ารับวัคซีนโดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่ม 608 รวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ขอให้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันรองรับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19” นายธนกร กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: