กรุงเทพฯ – คณะรัฐมนตรี เห็นชอบปรับเกณฑ์รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ‘ผู้ป่วยสีเขียว’ ไม่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ให้ไปรักษาฟรีตามสิทธิ์ ส่วน UCEP Plus ให้สิทธิ์ ‘ผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง’ มีผล 16 มี.ค.65
วันที่ 8 มีนาคม 2565 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งตามหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงนี้
ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ อาการไม่รุนแรง หรือที่เรียกว่ากลุ่มสีเขียว จะไม่นับเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ แต่สามารถเข้ารับการรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ของแต่ละคน อาทิ สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิ์ประกันสังคม หรือสิทธิ์รักษาพยาบาลของข้าราชการ และแนะนำให้การดูแลแบบ Home Isolation (HI) หรือ Community Isolation (CI) หรือ Hotel Isolation
สำหรับผู้ป่วยติดโควิด-19 ที่แพทย์วินิจฉัยว่า เข้าเกณฑ์วิกฤติฉุกเฉิน ตามเกณฑ์ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนดแนวทางและเกณฑ์ประเมินคัดแยกระดับความฉุกเฉินไว้แล้ว คือ กลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยไม่กำหนดระยะเวลา 72 ชั่วโมงแรก สิทธิ์นี้เรียกว่า ‘UCEP Plus’ (ยูเซ็ป พลัส) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินรุนแรงจากโรงพยาบาลหนึ่ง ไปเข้ารับการรักษาในไอซียู ของอีกโรงพยาบาลได้ ภายหลัง 72 ชั่วโมงแรกด้วย ซึ่งดีกว่าโรคอื่น ๆ ที่เข้าตามนิยามเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
นางสาวไตรศุลี แถลงสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ กรณีโรคโควิด-19 มีดังนี้ กำหนดให้สถานพยาบาลต้องจัดให้มีการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและขีดความสามารถของสถานพยาบาล โดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดูแลรักษา และให้สถานพยาบาลแจ้งต่อกองทุนของผู้มีสิทธิ์ ได้รับการรักษาพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม หรือกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนหรือจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐทราบโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้กรณีที่มีปัญหาการวินิจฉัย ในการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ให้ปรึกษาศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิ์ผู้ป่วยฉุกเฉิน ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการวินิจฉัย โดยคำวินิจฉัยของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิ์ผู้ป่วยฉุกเฉินให้ถือเป็นที่สุด ซึ่งแนวทางการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ และแบบแจ้งผลการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติให้เป็นไปตามที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ครม.ยังมีมติให้ กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เอกชน หรือ กองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์ หรือสาธารณสุข ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว และดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์ รวมถึงแก้ไขปรับปรุง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่อนุมัติในครั้งนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: