กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ‘ท่าอากาศยานเบตง’ จ.ยะลา 14 มี.ค.2565 รองรับตลาดท่องเที่ยว พาณิชย์ เพื่อการลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ
วันที่ 11 มีนาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดเป็นประธานพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานเบตง วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ณ อาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานเบตง ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
สนามบินเบตง เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2560 แล้วเสร็จปี 2562 อาคารที่พักผู้โดยสาร มีพื้นที่ประมาณ 7,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้ประมาณ 300 คนต่อชั่วโมง และรองรับผู้โดยสารได้ 876,000 คนต่อปี ทางวิ่งหรือรันเวย์มีขนาดความยาว 1,800 เมตร รองรับได้เฉพาะอากาศยานขนาดเล็ก เช่น เครื่องบินแบบใบพัด ATR 70-80 ที่นั่ง
เส้นทางบินและการขึ้น-ลงของอากาศยาน จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางสู่อำเภอเบตง ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันไม่สะดวกต่อการเดินทางให้สัญจรไป-มาได้สะดวก ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สนามบินเบตง เริ่มหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เห็นชอบในหลักการให้กรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม ดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (2559–2561) เพื่อจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของอําเภอเบตงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลในเรื่องความมั่นคงในพื้นที่ด้วย
อีกทั้งสามารถสร้างความร่วมมือระหว่างการพาณิชย์ในระดับประเทศและต่างประเทศ และยังส่งเสริมการรองรับตลาดการท่องเที่ยว การพาณิชย์ เพื่อการลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ โดยเฉพาะรัฐปีนัง เคดาร์ เปรัก ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดน รวมทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาสภาพสังคม จิตวิทยา การเมือง การปกครองของ ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเพื่อสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียนของรัฐบาล
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: