กรุงเทพฯ – ศบค.ปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าประเทศ ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ให้ใช้เฉพาะ ATK ระหว่างเข้าพัก พร้อมปรับโซนสีจังหวัดคุมโควิด เหลือแค่สีเหลืองและสีฟ้า ดื่มเครื่องดื่มแอลกอออล์ในร้านอาหารได้ถึงเที่ยงคืน เริ่ม 1 พ.ค.65 แนะฉีดวัคซีนเด็กให้ครบตามเกณฑ์ รับเปิดเทอม
วันที่ 22 เมษายน 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 65 จังหวัด และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 12 จังหวัด ไม่มีพื้นที่สีแดงเข้ม (ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด) สีแดง (พื้นที่ควบคุมสูงสุด) และสีส้ม (พื้นที่ควบคุม) เริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีมาตรการ ดังนี้
1.คงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 แบบบูรณาการ ตามระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร 1 พ.ย.64 ทุกพื้นที่ ยังคงปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน
2.ปรับมาตรการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน ทั้งในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จากไม่เกิน 23.00 น. เป็น ไม่เกิน 24.00 น. และคงการจำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus หรือตามมาตรการ COVID Free Setting
3.คงมาตรการสำหรับสถานบริการ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้ผู้ประกอบการ เปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้ตามมาตรการที่กำหนด โดยขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ได้ เมื่อมีความพร้อมโดยไม่กำหนดระยะเวลา
4.Work From Home (ทำงานที่บ้าน) ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน
ผ่อนคลายเดินทางเข้าประเทศ
ศบค.ยังเห็นชอบปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักร สำหรับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือได้รับแต่ไม่ครบตามเกณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.65 ดังนี้
1.ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ (Vaccinated Traveler)
ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเดินทางมาถึงประเทศ แนะนำให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อฯ ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบของบุคคล
2.ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือได้รับแต่ไม่ครบตามเกณฑ์ (Unvaccinated Travelers) ให้ตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT-PCR ในวันที่ 4-5 ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย แนะนำให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อฯ ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบของบุคคล
3.ปรับลดวงเงินประกันสำหรับผู้เดินทางทั้ง 2 กลุ่ม (ข้อ 1 และ ข้อ 2) จากไม่ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทาง ผ่านช่องทางผ่านแดนทางบก ของกระทรวงมหาดไทย (เฉพาะจุดผ่านแดนถาวร) โดยเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาเปิดดำเนินการให้บุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านช่องทางผ่านแดนทางบก เฉพาะจุดผ่านแดนถาวรตามมาตรการ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด
เปิดเรียนแบบ On-Site
ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบ เรื่องมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 เพื่อให้เปิดเรียน On-site (ที่โรงเรียน) อย่างปลอดภัย ประกอบด้วย
1.สถานศึกษาประเมินตนเองเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ผ่านTSC+
2.นักเรียนอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น (เข็ม3) ผ่านระบบสถานศึกษาและเร่งฉีดวัคซีนโควิด19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก
3.นักเรียน ครู บุคลากร ปฏิบัติตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก 100 % ล้างมือ ตรวจหาเชื้อด้วยATK เมื่อมีอาการหรือเสี่ยง หลีกเลี่ยงรวมกลุ่มกัน
4.กรณีนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการเตรียมความพร้อม โดยให้เร่งการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็มกระตุ้น ให้แก่นักเรียนได้ทันก่อนการเปิดภาคเรียน สำหรับประชาชน/ผู้ปกครอง ที่ยังกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด อาจพิจารณาจัดการเรียนการสอนทั้งแบบ On-site Online On Hand ตามความสมัครใจของผู้ปกครอง โดยต้องขอความร่วมมือจากสถานศึกษา ว่าทุกอย่างต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อจะให้เปิดภาคเรียนให้ได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: