กรุงเทพฯ – หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ รุกพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยทุนวัฒนธรรม นำพารอดวิกฤตเศรษฐกิจ สร้างชุมชนเข้มแข็งทั่วประเทศด้วยงานวิจัย หลังสร้างผู้ประกอบการแล้วกว่า 6,000 แห่ง สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 200 ล้านบาท
วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ระบุว่า จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะด้านบุคลากร การศึกษา และการเข้าสู่สังคมวัยชรา
2 ปีที่ผ่านมา บพท.ร่วมกับสถาบันการศึกษา ชุมชนราชการท้องถิ่น ทำการวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจบนทุนวัฒนธรรม พบว่าได้ผลดี เกิดผู้ประกอบการวัฒนธรรมขึ้นมาแล้ว 6,000 ราย ทำให้ชุมชนมีรายได้ถึง 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านของไทยจะต้องใช้เวลานาน เพราะเป็นเรื่องประชากร การศึกษา แต่ประเทศไทยมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ชุมชนมีความหวงแหน จึงเป็นบรรยากาศเหมาะสม ที่ บพท.จะใช้ทุนวัฒนธรรมเหล่านี้มาช่วยแก้ปัญหาของประเทศ
ผอ.บพท. กล่าวต่อว่า แนวทางของ บพท.จะเป็นไปในแบบการอนุรักษ์แล้วต่อยอด ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งจะทำให้เติบโตได้อย่างมั่นคงมากกว่าการมุ่งเชิงการค้าเพียงด้านเดียว เช่น พื้นที่วัฒนธรรมที่ทุ่งสง บพท.ได้เห็นถึงความหวงแหน ความมุ่งมั่นของชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นทุกหนแห่ง ให้ทุนวัฒนธรรมเป็นมวลขนาดใหญ่ขับเคลื่อนประเทศ
ข่าวน่าสนใจ:
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- นนทบุรี หนุ่ม 16 ขับเบนช์ เสียหลักเหินขึ้นไปคาอยู่บนรถ 6 ล้อรอดตายปาฏิหาริย์
- "กรุงเทพฯ ดีต่อใจ" ชวน ฮีลกาย..ฮีลใจ รับปีใหม่ 3-5 ม.ค.68
- “ปลายฝน ต้นหนาว เคาท์ดาวน์ มิวสิคเฟส สุราษฎร์ธานี” ไฮไลท์ประกวดควายไทยมูลค่ากว่า 10 ล้าน
ปัจจุบัน บพท. ดำเนินงานพัฒนาพื้นที่ในหลายระดับ ทั้งการแก้ปัญหาความยากจนเบ็ดเสร็จแม่นยำ การสร้างชุมชนนวัตกรรม การสร้างธุรกิจชุมชน การส่งเสริมทุนวัฒนธรรม ไปจนถึงการพัฒนาเมืองและงานวิจัยเพื่อบรรเทาปัญหาประชาชนในภาวะวิกฤต
งานวิจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ดำเนินการอยู่ใน 62 จังหวัด ผ่านมหาวิทยาลัยกว่า 90 แห่ง มุ่งเน้นการสร้างควารู้และนวัตกรรมให้ประชาชน ตลอดจนพัฒนาระบบการทำงานในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และเกิดกลไก กระบวนการต่อยอดโดยภาคีรัฐและเอกชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
“บพท. ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาทั้งในเชิง issue และ area เช่นการพัฒนาธุรกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง และการพัฒนาภาพรวมของพื้นที่ เช่น smart city หรืออย่างเมืองไผ่ที่ปราจีนบุรี เป็นการยกระดับศักยภาพของทั้งพื้นที่ ทำให้เรามั่นใจว่าแนวทางที่ยึดโยงความต้องการในพื้นที่ เป็นทางออกสำหรับการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย แกนหลักของงานวิจัย คือ สร้างความเข้มแข็งจากพื้นที่เพื่อตอบโจทย์ของตัวเอง พอทำต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดความเข้มแข็งทั่วประเทศ เป็นหนทางที่ดีของไทย” นายกิตติ กล่าว
ทั้งนี้ โปรแกรมพัฒนาเมืองของ บพท.เข้าไปมีบทบาทในการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองขึ้นมาแล้ว 19 แห่ง เกิดเป็นกระบวนการออกแบบเมืองโดยชุมชน เช่น wellness city ที่เชียงใหม่และภูเก็ต, smart city ที่ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่, learning city จังหวัดพะเยา และเมืองปลอดคาร์บอน จังหวัดนครราชสีมา
ข้อมูลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบรรยายสรุปแก่คณะกรรมการ บพท. พบว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม ทำให้ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3.2% เนื่องจากการเปิดประเทศทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสภาพการณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งทำให้คาดด้วยว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวได้ในระดับ 4.4%
อย่างไรก็ตามภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มต้นจากปีที่แล้วถูกซ้ำเติมจากความขัดแย้งในยูเครน ทำให้ราคาวัตถุดิบเช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ ตลอดจนรคาน้ำมัน ผลักดันให้เงินเฟ้อจะรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ในจำนวนแรงงาน 40 ล้านคน เป็นเกษตรกร 13 ล้านคน ซึ่งเป็นคนชราประมาณครึ่งหนึ่ง มีผลผลิตต่ำ รายได้ต่ำ ในขณะที่โควิด-19 ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างแรงงานนอกภาคเกษตรอีกจำนวนมาก
ประเทศไทยควรหันมาให้ความสนใจกับการขยายเศรษฐกิจบนจุดแข็งของไทยที่ตอบสนองกับ mega trend ได้แก่ การพัฒนาเมืองตามแนว urbanization ของโลก การพัฒนาทุนมนุษย์ให้ตอบสนองความต้องการของพื้นที่ต่าง ๆ การพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมอาหารบนฐานสิ่งแวดล้อม และพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์
กระบวนการพัฒนาประเทศควรเน้นการพัฒนาที่ยึดโยงปัญหาและเป้าหมายของแต่ละพื้นที่ มีกลไกรวบรวมทรัพยากรจากภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันในลักษณะ One Thailand จะช่วยให้การพัฒนาตรงตามความต้องการและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: