กรุงเทพฯ – ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แตกต่าง แต่เดินร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม เล็งออกกฎป้องกันการคุกคามทางเพศของ กทม. นำร่องพัฒนาคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย และไม่บังคับแต่งเครื่องแบบข้าราชการตามเพศกำเนิด
วันที่ 4 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดงาน Pride Month 2022 เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจ สนับสนุนความเท่าเทียม และยอมรับความหลากหลายทางเพศ ของหน่วยงาน กทม. สนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQI+ ในกรุงเทพฯ ได้รับการยอมรับผ่านความเข้าใจจาก กทม. ในฐานะหน่วยงานรัฐ รวมถึงประชาชนได้รับการบริการอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ด้วยความเข้าใจในความอ่อนไหวทางเพศ (gender sensitivity) และความเท่าเทียมทางเพศ ณ ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เขตปทุมวัน
นายชัชชาติ ยังได้ปักธงสีรุ้งร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน ประกาศเจตนารมณ์ ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งความแตกต่างหลากหลาย พร้อมเปิดนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียม โดยมี นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม., นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะผู้บริหาร เครือข่ายภาคประชาชน ร่วมปักธงและเฉลิมฉลอง
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า Pride Month คือ การเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ เพื่อสนับสนุนวัฒนธรรมและสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) รวมถึงเป็นการรำลึกถึงคนในคอมมูนิตี้ที่เสียชีวิตด้วยเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ สาเหตุที่เลือกฉลองในเดือนมิถุนายน เพราะเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ Stonewalls เมื่อปี ค.ศ.1969
ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น อยากชวนให้มอง Pride Month เป็นกิจกรรมที่สะท้อนวาระทางสังคม สังคมที่อยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย ความเข้าใจ การยอมรับ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นรากฐานที่จะทำให้ทุกคนมีตัวตน มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางอัตลักษณ์ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและเข้าถึงสวัสดิการอย่างเท่าเทียม
“Pride Month ไม่ใช่แค่เพียงความแตกต่างทางเพศเท่านั้น แต่รวมถึงความแตกต่างทางความคิด การเมือง ความคิดเห็น เราแตกต่างกันได้แต่อย่าทะเลาะ อย่าเกลียดชัง เข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือ แล้วเราจะเดินร่วมกันได้ อย่าลืมว่าสังคมเราไม่ได้มีแค่ 0 กับ 1 (ไบนารี) Pride หมายถึง ความภาคภูมิใจความหลากหลายของสังคมประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น กทม. จะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันตามหลักของประชาธิปไตย โดยไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า กทม.จะผลักดันนโยบายเพื่อสนับสนุนความหลากหลายทางเพศและสร้างความเท่าเทียม ทั้งในเชิงสัญลักษณ์ สวัสดิการ และการบริการ เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน สิ่งที่ กทม.จะทำทันที คือ Pride Month โดยอยู่ใน 1 ใน 12 เทศกาล นำร่องพัฒนาคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย ให้คำปรึกษา ให้การศึกษาเรื่องความหลากหลายทางเพศ เริ่มต้นในโรงเรียนสังกัด กทม. นอกจากการสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ แล้ว กทม.ยังตั้งมั่นที่จะเป็นองค์กรภาครัฐ ที่ขับเคลื่อนเชิงสัญลักษณ์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายประชาชน ภาคธุรกิจ ในการรณรงค์สิทธิของประชาชน เป็นพลังในการสนับสนุนการเคลื่อนไหวบนพื้นฐานด้านสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน
นโยบายด้าน LGBTQ+ เป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย 214 ข้อ โดยได้รับการยอมรับ ความเข้าใจในความอ่อนไหวทางเพศ และความเท่าเทียมทางเพศ เป็นหัวใจหลักที่หน่วยงาน กทม. ต้องให้ความสำคัญ สามารถริเริ่มได้โดย
1.กำหนดหลักธรรมาภิบาลของหน่วยงานใน กทม. ให้การยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขในสังคมและสนับสนุนความเท่าเทียม
2.อบรมให้เจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานของ กทม. ปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน โดยเฉพาะผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างเท่าเทียม เน้นการยอมรับและความเข้าใจ
3.สามารถร้องทุกข์เรื่องการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมได้
4.สนับสนุนการแสดงออกที่หลากหลาย โดยไม่บังคับแต่งชุดเครื่องแบบข้าราชการตามเพศกำเนิด สามารถใส่ตามที่สะดวกใจได้
5.มีกฎเพื่อป้องกันการคุกคามทางเพศในหน่วยงาน กทม. และยังนำร่องพัฒนาคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย ซึ่งปัจจุบันคลินิกสาธารณสุขเฉพาะทางด้านสุขภาพของกลุ่ม LGBTQI+ ในโรงพยาบาลของรัฐมีเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือ คลินิกสุขภาพเพศ ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย โรงพยาบาลรามาธิบดี
ดังนั้น กทม. จะนำร่องเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ในประเด็นจำเพาะ เช่น บริการจิตวิทยาการปรึกษา การใช้ยา-ฮอร์โมน และการผ่าตัดแปลงเพศของกลุ่มคนข้ามเพศในศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) หรือโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ตามความเหมาะสม เพื่อสร้างสวัสดิการของรัฐที่ครอบคลุมความหลากหลายของมนุษย์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: