X

สงขลา – 4 ฝ่าย ประกาศปฏิญญา ปกป้อง ‘คลองอู่ตะเภา’

สงขลา – แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นสักขีพยาน ลงนามปฏิญญา 4 ฝ่าย ปกป้องคลองอู่ตะเภา พร้อมตั้งเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่มีส่วนร่วม

ณ สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกด้านความเข็มแข็งของชุมชน พร้อมการประกาศเอกราชสิ่งแวดล้อม ‘จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา’ โดยคณะกรรมการการแก้ปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสงขลา  จัดขึ้น เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ซึ่งตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก และกำหนดให้เป็น ‘วันคลองอู่ตะเภา’ ถือเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรก

มีนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีการลงนามปฏิญญา 4 ฝ่าย เพื่อร่วมปกป้องคลองอู่ตะเภา ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา, นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งลาน และประธานเยาวชนปกป้องคลองอู่ตะเภา

โดยมี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา เขต 5 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นสักขีพยาน

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา การประกาศเอกราชสิ่งแวดล้อม ‘จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา’ โดยตัวแทนทั้ง 4 ฝ่าย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนตาม ปฏิญญาที่ได้ลงนามร่วมกัน

ก่อนร่วมกันปล่อยปลา 9 จุด ลงคลองอู่ตะเภา ร่วมกับกลุ่มเยาวชนกว่า 300 คน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คือ บริเวณปลายคลองอู่ตะเภา สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11

นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าฯ สงขลา ระบุว่า เวทีกิจกรรมวันนี้เปิดเป็นครั้งแรก หลังโควิด-19 แต่ก่อนหน้านี้ได้ประชุมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำลำคลอง วันนี้ มีการลงนามปฏิญญา 4 ฝ่าย เพื่อที่จะแสวงหาความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาไม่เฉพาะแค่คลองอู่ตะเภา แต่หมายถึงคลองอื่น ๆ ทั้งจังหวัดในอนาคต ให้คลองใน จ.สงขลา เป็นคลองสวยน้ำใสให้ได้ การตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมใน จ.สงขลา เพื่อจะปกป้องแม่น้ำลำคลองให้คืนสู่สภาพที่ประชาขนสามารถใช้ประโยชน์ได้ จังหวัดมีหน้าที่ในการบูรณาการทุกภาคส่วน ที่จะให้ทุกภาคส่วนสามารถที่จะเดินไปด้วยกันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานร่วมกันตามภารกิจหน้าที่ ที่แต่ละส่วนรับผิดชอบ

ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการการแก้ปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมใน จ.สงขลา กล่าวถึงที่มาของการให้ความสำคัญกับการดูแลคลองอู่ตะเภาว่า เป็นเหตุผลส่วนตัวที่เป็นเด็กบ้านนอก เกิดที่ อ.รัตภูมิ ตอนเด็ก ๆ ว่ายน้ำในคลอง หาปลาในคลอง แต่ระยะหลังปรากฏว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมมาอยู่รอบ ๆ คลอง ทั้งคลองภูมีและคลองอู่ตะเภา ทำให้เกิดน้ำเสียและระบบนิเวศถูกทำลายจนประเมินค่าไม่ได้ สัตว์น้ำในคลองอู่ตะเภาต้องตาย ขณะที่น้ำจากคลองนี้ ต้องนำมาผลิตเป็นน้ำประปา อีกทั้งยังกระทบต่อการนำน้ำไปในในทางการเกษตรและปศุสัตด้วย สุดท้าย ปลายน้ำจากคลองอู่ตะเภา ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำสกปรกไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำตื้นเขิน น้ำไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทยไม่สะดวก

ส่งผลให้สัตว์น้ำหลายชนิดในทะเลสาบสงขลาเริ่มหายไป บางชนิดสูญพันธุ์ ถ้าปล่อยให้เป็นอยู่แบบนี้ เยาวชนรุ่นหลังจะอยู่ไม่ได้แน่นอน ทะเลสาบสงขลาอาจจะกลายเป็นทะเลทราย จึงถึงเวลาที่พวกเราต้องมาร่วมกันแก้ไข 4 ฝ่ายที่ลงนามปฏิญญา จะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา คือ

1.ตัวแทนโรงงานอุตสาหกรรม ต้องคำนึงถึงการดูแลชุมชนและพื้นที่รอบโรงงานเหมือนบ้านของตัวเอง

2.ภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมจังหวัด. สิ่งแวดล้อมภาค, สิ่งแวดล้อมจังหวัด, ประมง, ปศุสัตว์, ชลประทาน ต้องมาดูแลแม่น้ำลำคลองและคุณภาพน้ำ

3.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 22 องค์กร กับ 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด

4.พี่น้องประชาชนและลูกหลานเยาวชน

“หากเราจับมือกันได้อย่างเหนียวแน่น เราก็สามารถกู้เอกราชทางด้านสิ่งแวดล้อมกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน และขยายไปยังคลองอื่น ๆ ของจังหวัดสงขลาต่อไป” นายเดชอิศม์ กล่าว

ขณะที่ นายศิวกร วิชากิจ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับ อุตสาหกรรมจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าหากใครจะเปิดโรงงานฯ จะต้องมีระบบการบำบัดน้ำเสีย ผ่านกรรมวิธีก่อนที่จะปล่อยสู่แม่น้ำลำคลองได้ ยืนยันกลุ่มอุตสาหกรรมเองตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ดี เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ และพร้อมให้การสนับสนุน โดยเฉพาะเยาวชน ที่จะช่วยทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา ว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมไหนปล่อยน้ำเสียลงคลองบ้าง ถ้าพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งมาที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดได้ ขณะที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเอง ก็จะมีมาตรการพูดคุย ตักเตือน และมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"