กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เตรียมปรับตัวสูงขึ้น กำชับกรมการค้าภายใน ดูแลไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ
วันที่ 25 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการประชุมหารือระหว่าง กรมการค้าภายในกับ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุงรายใหญ่ในตลาด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ยืนยันไม่ได้หารือเพื่อจะปรับราคาจำหน่ายข้าวถุง เนื่องจากราคาวัตถุดิบในขณะนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาจำหน่ายเท่าใดนัก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าขนส่งเป็นหลัก แต่เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน สมาคมฯ และสมาชิกได้ให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน ตรึงราคาจำหน่ายข้าวถุงไว้
ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับทราบผลการหารือดังกล่าว พร้อมแสดงความห่วงใยประชาชน ที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าหลายรายการที่เตรียมปรับสูงขึ้น มีสาเหตุจากค่าขนส่งที่สูงขึ้นเป็นหลัก โดยได้กำชับให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวถุงและราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา ผ่านการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า จากผลการประชุมหารือ ยืนยันว่าข้าวสารบรรจุถุงยังไม่ปรับขึ้นราคา แต่ผู้ประกอบการบางรายชี้แจงว่า อาจมีการปรับกิจกรรมส่งเสริมการขายบ้าง เช่น ลดจำนวนความถี่ หรือส่วนลดทางการค้า ซึ่งแต่ละรายจะบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์ของตนเอง
หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม พบขึ้นราคาข้าวถุงสูงเกินสมควร หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านปริมาณและคุณภาพ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569
ทั้งนี้ วานนี้ (24 มิ.ย.) นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือแก้ไขปัญหาวิกฤตราคาพลังงานและราคาสินค้
โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยการดำรงชีวิตของประชาชน จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหารือ เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อน และผลกระทบที่เกิดต่อประชาชน โดยได้สั่งการให้บูรณาการการทำงาน ร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งได้สอบถามเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ มาพิจารณา เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง หากต้องเข้าไปแทรกแซงในห่วงโซ่ของการประกอบการของภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งมีกฎหมายอยู่หลายฉบับที่อาจเป็นปัญหาในอนาคต หากไม่รอบคอบและอาจเกิดความเสียหายเกิดขึ้นในระยะยาว รวมทั้งเพื่อความชัดเจนในข้อกฎหมายการประกอบการธุรกิจ ของธุรกิจเอกชนทุกประเภท เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด
