กรุงเทพฯ – กรมควบคุมโรค ชี้ สถานการณ์โควิดขณะนี้ อยู่ในช่วงเข้าสู่ Small Wave แรก หลังพ้นระลอกโอมิครอน เมื่อต้นปี คาด 10 สัปดาห์จากนี้ อาจพบผู้ป่วยในโรงพยาบาลมากขึ้น สูงสุดในช่วงกันยายน ย้ำ อย่าเพิ่งรีบผ่อนคลายหน้ากาก และยังต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า หลายประเทศทั่วโลกพบรายงานสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4/BA.5 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป สหรัฐอเมริกา ดังนั้น ผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่อาจมีการผ่อนคลายเรื่องหน้ากากอนามัยแล้ว ยังแนะนำให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพื่อไม่ให้นำเชื้อกลับมาติดกลุ่มเสี่ยงที่บ้าน และเมื่อกลับมาแล้ว ขอให้สวมหน้ากาก เลี่ยงไปสถานที่สาธารณะ ถ้าป่วยมีอาการแล้วสงสัย่ให้ตรวจ ATK
ส่วนประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยกำลังรักษา ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ทำให้พบผู้ติดเชื้อที่อาการไม่มากและรักษาตัวที่บ้านมากขึ้น โดยพบผู้รักษาในระบบ HI (รักษาตัวที่บ้าน) เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1.5 หมื่นราย ลงทะเบียนรับยาผ่านระบบ สปสช. แบบผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นจาก 1.91 แสนราย เป็น 2.07 แสนรายในสัปดาห์นี้
แต่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นไม่มาก อยู่ในเกณฑ์รองรับได้ในระบบสาธารณสุข โดยจังหวัดที่พบเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น คือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว จึงต้องพิจารณาควบคุมการระบาดในบางส่วน อาจมีการเพิ่มเติมมาตรการป้องกันโรค เช่น การสวมหน้ากากไปในพื้นที่มีการรวมกลุ่ม การใช้ขนส่งสาธารณะทุกประเภทต้องสวมหน้ากาก
ข่าวน่าสนใจ:
สำหรับอัตราครองเตียงภาพรวมอยู่ที่ 10% แม้บางจังหวัด นำเตียงโควิดไปใช้ดูแลรักษาโรคอื่น ทำให้อัตราครองเตียงเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในระดับ 20-30% ยังไม่เกิน 50% ที่ต้องเพิ่มจำนวนเตียง ส่วนยารักษาต่าง ๆ มีมากพอรองรับ
ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ยังแถลงคาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป ว่าอาจเกิดการระบาดเป็นระลอกเล็ก ๆ (Small Wave) ได้ ซึ่งช่วงนี้มีสัญญาณว่ากำลังมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาจทำให้มีผู้ไปรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น หากยังคงมาตรการเหมือนช่วงเดือนมิถุนายน
คาดว่าช่วง 10 สัปดาห์จากนี้ ไปจนถึงเดือนกันยายน จะเป็นช่วงพีคสุดของเวฟในการพบผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล
แต่ถ้าผ่อนคลายมาตรการทั้งหมด ไม่สวมหน้ากาก อาจจะมีผู้ป่วยมากขึ้นอีก และหากกลุ่ม 608 ป่วยมากขึ้น อาจจะเป็นระลอกใหญ่ขึ้นได้
“ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบผ่อนหน้ากากอนามัย ขอให้ใส่ไว้ก่อนเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด สถานที่แออัด ขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และรีบไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยลดและป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตลงได้” นายแพทย์จักรรัฐ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: