กรุงเทพฯ – กฟผ. เผย แบกรับภาระค่าเชื้อเพลิง 1 ปีที่ผ่านมา เกือบ 1 แสนล้านบาท จำเป็นต้องขอกู้เงินเพิ่ม วอนรัฐช่วยดูแล เพื่อมิให้กระทบความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว ชี้ กำไรสะสมเป็นทุนจากการดำเนินงานในรูปของสินทรัพย์ ไม่ใช่เงินสด ไม่สามารถนำมาช่วยพยุงค่าไฟฟ้าได้
วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า จากปัญหาวิกฤตราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กฟผ. ได้ร่วมรับภาระค่าไฟฟ้าแก่ประชาชน ตามแนวทางบริหารค่าไฟฟ้า โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่งวดเดือนกันยายน 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท แม้ กฟผ. พยายามแก้ปัญหาเบื้องต้น ด้วยการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแล้ว 25,000 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอต่อการแบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงที่เกินกำลัง เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลก ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กฟผ. จึงจำเป็นต้องแจ้งต่อ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นจริง พร้อมวิงวอนภาครัฐช่วยดูแล เพื่อไม่ให้กระทบต่อความความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว
นายบุญญนิตย์ กล่าวต่อว่า กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่มิได้มุ่งแสวงหากำไร ราคาค่าไฟฟ้าและกำไรของ กฟผ. ถูกกำกับโดย กกพ. ให้มีรายได้เพียงพอต่อการลงทุนและบริหารกิจการเท่านั้น ซึ่งกำไรของ กฟผ. จะถูกนำส่งกระทรวงการคลัง เป็นเงินรายได้แผ่นดิน เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ รวมถึงลงทุนในระบบไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและส่งไฟฟ้าของประเทศ ให้มีความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
ส่วนกำไรสะสมของ กฟผ. จำนวน 3.29 แสนล้านบาท ที่ปรากฎในงบแสดงฐานะทางการเงินนั้น ไม่ใช่เงินสด แต่เป็นการแสดงตัวเลขสะสมของมูลค่าสินทรัพย์ที่ กฟผ. นำกำไรส่วนที่เหลือจากการนำส่งกระทรวงการคลังในแต่ละปี ไปลงทุนในรูปของสินทรัพย์ที่ใช้ผลิตและส่งไฟฟ้าให้แก่ประชาชน อาทิ โรงไฟฟ้า สถานีส่งไฟฟ้า สายส่งไฟฟ้า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการ จึงไม่สามารถนำกำไรสะสมดังกล่าว มาจ่ายชดเชยค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นได้
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ยังคงติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด และร่วมกับภาครัฐบริหารจัดการเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระค่าเชื้อเพลิงและต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า เช่น ปรับแผนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนถูกก่อน เลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ที่ใช้ถ่านหินในประเทศซึ่งเป็นเชื้อเพลิงราคาถูก ควบคู่กับการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานอย่างเข้มข้น ทั้งในสำนักงาน เขต เขื่อน และโรงไฟฟ้า กฟผ. ทั่วประเทศ สู่เป้าหมายลดใช้พลังงานลงร้อยละ 20 เพื่อช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาสูงจากต่างประเทศ ประชาชนเองสามารถมีส่วนร่วม ในการช่วยประเทศให้ก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ ด้วยการประหยัดพลังงาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: