กรุงเทพฯ – กรมควบคุมโรค เตือนประชาชน ช่วงนี้เสี่ยงป่วยไข้ซิกา หลังพบตัวเลขสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว ห่วงแม่ตั้งครรภ์เชื้อส่งถึงทารกได้ ส่งผลให้เกิดมามีความผิดปกติ แนะใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 กรมควบคุมโรค เผยแพร่ ‘พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์’ ฉบับที่ 30/2565 ประจำสัปดาห์ที่ 32 (วันที่ 7-13 ส.ค. 65)
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 กรกฎาคม 2565 มีรายงานผู้ป่วยทั่วประเทศ 92 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ 25-34 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ 35-44 ปี ตามลำดับ
ภาคเหนือพบผู้ป่วยมากที่สุด และ 5 จังหวัดที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ น่าน อุตรดิตถ์ กรุงเทพมหานคร เชียงราย และนนทบุรี
ข่าวน่าสนใจ:
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2565 นี้ มีตัวเลขที่สูงขึ้นกว่าปี 2564 (จากข้อมูลระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 พบว่า อุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสซิกาใน เดือนกรกฎาคม ปี 2565 = 0.071 ต่อแสนประชากร ขณะที่ ปี 2564 = 0.002 ต่อแสนประชากร) ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ ความพิการทางสมองและระบบประสาท ในทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อไวรัสซิกา ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า
คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน และจากการพยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่า ในช่วงระหว่างสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า จะมีฝนตกในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้มีน้ำขังตามภาชนะต่าง ๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ซึ่งสามารถเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการระบาดของโรคได้
โรคติดเชื้อไวรัสซิกามียุงลายเป็นพาหะนำโรค และสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ รวมไปถึงจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการแสดงได้ ดังนี้ ผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง ปวดข้อ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์
กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชน ให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในบริเวณบ้านและโรงเรียนทุกแห่ง โดยใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค มาตรการนี้ยังสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกและโรคไข้ปวดข้อยุงลายได้อีกด้วย
♦ เก็บบ้าน/โรงเรียน ให้สะอาดจะป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก
♦ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิด ป้องกันยุงลายลงไปวางไข่
♦ เก็บขยะภายในบริเวณบ้าน/โรงเรียน ให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
รวมถึงป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: