กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติแผนกู้เงินและแผนชำระหนี้ของ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงิน 150,000 ล้านบาท ตามกรอบที่เคยเห็นชอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ และบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแผนการกู้เงิน แผนการใช้จ่ายเงินกู้ และแผนการชำระหนี้ของการกู้ยืมเงิน โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงิน 150,000 ล้านบาท พร้อมมอบให้ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถพิจารณาปรับแผนการกู้เงิน และแผนการใช้จ่ายเงินกู้ รวมถึงแผนการชำระหนี้ ตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ฐานะการเงินของกองทุน หรือสภาวะตลาดเงินในช่วงเวลานั้น ๆ โดยจะต้องสอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการหนี้สาธารณะด้วย
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เสนอแผนการกู้เงิน แผนการใช้จ่ายเงินกู้ และแผนการชำระหนี้ของการกู้ยืมเงิน โดยตามหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงิน ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 จะทยอยกู้เงินจำนวน 8 ครั้ง วงเงิน 150,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 (กู้ยืม ครั้งที่ 1-2) วงเงิน 30,000 ล้านบาท ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2566 จะทยอยใช้จ่ายเงินกู้ตั้งแต่ เดือนธันวาคม 2565-กุมภาพันธ์ 2566 และจะทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และชำระหนี้ครบภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
ข่าวน่าสนใจ:
ส่วนที่ 2 (กู้ยืม ครั้งที่ 3-8) วงเงิน 120,000 ล้านบาท ทยอยดำเนินการทั้งหมด 6 ครั้ง (วงเงินที่ 3-8) โดยแผนการใช้จ่ายเงินกู้ ทยอยใช้เงินกู้ (เบิกเงินกู้) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2566 และทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และชำระหนี้ครบภายในเดือนตุลาคม 2572
การชำระหนี้การกู้ยืมเงิน 150,000 ล้านบาท จะมีแหล่งชำระคืนจากเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากการประมาณการกระแสเงินสด ซึ่งจะสามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วนภายใน 7 ปี โดยจะทยอยชำระหนี้คืนได้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และชำระหนี้ครบถ้วนภายในเดือนตุลาคม 2572
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีสถานะติดลบ 125,690 ล้านบาท ซึ่งวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิง จากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบให้ช่วงพฤศจิกายน 2565-กุมภาพันธ์ 2566 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ประกอบกับประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปัญหาอุทกภัย จึงจำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่งผลให้กองทุนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ โดย ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 นี้มีรายจ่ายสุทธิประมาณ 222 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 6,882 ล้านบาทต่อเดือน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: