กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เชื่อ นโยบายเปิดรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงพำนักในประเทศไทยระยะยาว (LTR Visa) จะเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดชาวต่างชาติให้มาพำนักและลงทุนในไทยระยะยาว เผย เดือนครึ่งมีผู้สมัครแล้วกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้เกษียณอายุ
วันที่ 27 ตุลาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานตัวเลขผู้ขอยื่นขอใบสมัครวีซ่าระยะยาว (Long – Term Resident Visa) หรือ LTR Visa ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-20 ตุลาคม 2565 มีผู้สมัครกว่า 1,000 คน
ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุน โดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ น่าลงทุน และเป็นที่นิยม ถือเป็นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ให้วีซ่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติมีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม พำนักในประเทศไทยในระยะยาว โดยมีเป้าหมายดึงดูด 1 ล้านคน ใน 5 ปี โดยเริ่มรับสมัครชาวต่างชาติในกลุ่มนี้แล้วเมื่อ เดือนกันยายนที่ผ่านมา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากสถิติ ประเทศที่ยื่นขอใบสมัครมากที่สุดได้แก่ สหรัฐฯ 232 คน, จีน 140 คน, สหราชอาณาจักร 109 คน, เยอรมนี 68 คน และออสเตรเลีย 51 คน แบ่งตามกลุ่มได้ดังนี้
1.กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 88 คน คิดเป็น 8%
2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 430 คน คิดเป็น 37%
3.ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 366 คน คิดเป็น 32%
4.ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ 160 คน คิดเป็น 14%
5.ที่เหลือเป็นกลุ่มคู่สมรสและบุตร ของผู้ที่ต้องการทำงานและพำนักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย มีผู้สมัครแล้ว 144 คน คิดเป็น 14%
“นายกรัฐมนตรีใช้ความได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งทางเศรษฐกิจจากการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แรงงานที่มีฝีมือ และความได้เปรียบทางสังคม เพราะประเทศไทยมีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ ปลอดภัย น่าพำนักอาศัย นำมาดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพในหลากหลายกลุ่ม โดยมุ่งหวังว่าจะกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน ช่วยผลักดันความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัว โดยวีซ่าประเภทใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดึงดูดกลุ่มนักลงทุน ผู้มีความพร้อม มีทักษะ และความเชี่ยวชาญสูงให้เข้ามาพำนักในประเทศไทย” นายอนุชา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: