กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจยืดหยุ่น ครอบคลุม และยั่งยืน ให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เชื่อมั่นไทยเดินหน้านโยบายในทิศทางที่ถูกต้อง
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF กล่าวชื่นชมไทยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ผ่านมา ในฐานะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เอเปค 2022 โดยมีศักยภาพดึงดูดความร่วมมือทุกเขตเศรษฐกิจ และกำหนดหัวข้อการประชุมที่ชัดเจน ประเด็นเรื่องการ ‘เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์. เชื่อมโยงกัน. สู่สมดุล. : Open. Connect. Balance.’
มองว่า ‘เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์.’ ผ่อนปรนข้อจำกัดทางการค้า และขจัดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ‘เชื่อมโยงกัน.’ ส่งเสริมและสนับสนุนข้อตกลงระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง และทำงานเพื่อทำให้องค์การการค้าโลก (WTO) แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งดิจิทัลถือเป็นโอกาสที่ดีในการกำหนดโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นและช่วยพัฒนาชีวิตผู้คน และ ‘สู่สมดุล.’ การเติบโตต้องมีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อปกป้องกลุ่มที่เปราะบาง และปกป้องความเท่าเทียมกันทางเพศ การเติบโตจะต้องมีความยั่งยืนมากขึ้น และสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
กรรมการจัดการ IMF ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก จากการต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแบบถาวร กว่า 5.3 % ของจีดีพีโลก เขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่กำลังชะลอตัว และอย่างน้อย 1 ใน 3 ของโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ประเทศและภูมิภาคหลักอย่าง สหรัฐฯ จีน และยุโรป ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของการเติบโตโลก กำลังชะลอตัวลงพร้อม ๆ กัน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคอาเซียนยังถือว่ามีข้อได้เปรียบ และเป็นจุดโดดเด่น (Bright spot) ที่จะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขของการปรับปรุงการค้า
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า กรรมการจัดการกองทุน IMF เห็นว่า เอเปค ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการรวมกลุ่มของ 21 เขตเศรษฐกิจ คิดเป็น 60 % ของจีดีพีโลก โดยภูมิภาคเอเชียมีห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่สุด ขณะที่คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของละตินอเมริกา อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้ง 2 ใน 3 ของการนำเข้าของสหรัฐฯ มาจากเอเปค และในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การรวมตัวนี้ทำให้ผู้คนกว่า 1,500 ล้านคน หลุดพ้นจากความยากจน และอีกหลายร้อยล้านคนเข้าสู่ชนชั้นกลาง
IMF ให้ข้อเสนอแนะว่า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันหาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย นโยบายการเงินและการคลังต้องเดินไปด้วยกัน สร้างความยืดหยุ่นเพื่อรอรับแรงกระแทกในอนาคต ทั้งกับผู้คนที่สามารถฟื้นตัวได้ เศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น และโลกที่สามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปได้ โดยหากทุกคนร่วมมือกันเราจะแข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้ กรรมการจัดการกองทุน IMF ได้กล่าวชื่นชมไทยในฐานะเจ้าภาพ จัดการประชุมโดยมีศักยภาพดึงดูดความร่วมมือทุกเขตเศรษฐกิจ และกำหนดหัวข้อของการประชุมที่มีความชัดเจนของไทย “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์. เชื่อมโยงกัน. สู่สมดุล : Open. Connect. Balance.” โดยมองว่า ‘เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์.’ ผ่อนปรนข้อจำกัดทางการค้า และขจัดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ‘เชื่อมโยงกัน.’ ส่งเสริมและสนับสนุนข้อตกลงระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง และทำงานเพื่อทำให้ WTO แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งดิจิทัลถือเป็นโอกาสที่ดีในการกำหนดโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นและช่วยพัฒนาชีวิตผู้คน และ ‘สู่สมดุล.’ การเติบโตต้องมีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อปกป้องกลุ่มที่เปราะบาง และปกป้องความเท่าเทียมกันทางเพศ การเติบโตจะต้องมีความยั่งยืนมากขึ้น และสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
“นายกรัฐมนตรี พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และยั่งยืนให้กับประเทศ ยืนยันไทยให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศ พร้อมที่จะสนับสนุนข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เชื่อมั่นไทยเดินหน้านโยบายในทิศทางที่ถูกต้อง และพร้อมหารือและรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม เดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนประเทศเพื่อคนรุ่นต่อไป” นายอนุชา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: