กรุงเทพฯ – ภาคประชาชน ร้องศาลปกครองกลาง ขอไต่สวนและคุ้มครองเร่งด่วน การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้เพียงกล่องรับสัญญาณได้เพียงค่ายเดียว ทำค่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตและกล่องรับสัญญาณอื่นจอดำ ชี้ ละเมิดข้อกำหนดกองทุนฯ และกฎหมายชัดเจน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 นางสาวกุลธิดา เกิดแก่นแก้ว ทนายความผู้ฟ้องคดี ผู้ได้รับมอบอำนาจให้เป็นตัวแทน นายนพดล วงศ์วิหค ตัวแทนประชาชน เข้ายื่นฟ้อง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต่อศาลปกครองกลาง
โดยขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา หรือมีมาตรการคุ้มครอง และมีคำขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวโดยเร่งด่วน เนื่องจาก กกท.ในฐานะผู้ซื้อและได้รับลิขสิทธิ์ การเผยแพร่เสียง เผยแพร่ภาพ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2022 จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ผ่านบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนครึ่งหนึ่ง คือ 600 ล้านบาทมาจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)
ส่วนที่เหลือได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนต่าง ๆ หนึ่งในนั้น คือ ค่ายมือถือชื่อดัง ซึ่งสนับสนุนเงินจำนวน 300 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เสนอ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543
ซึ่งเป็นการจัดสรรเงินจากกองทุน กทปส. ให้ไปซื้อลิขสิทธิ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมรายการดังกล่าวได้อย่างทั่วถึ งรวมทั้งส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนด้อยโอกาส ให้เข้าถึงและรับรู้ใช้ประโยชน์จากรายการดังกล่าวได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป โดยไม่เลือกปฏิบัติ และยังเป็นภารกิจของ กสทช. ที่ต้องกำกับดูแลให้การถ่ายทอดสดเป็นไปโดยถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย
แต่ผลปรากฏว่า กกท.กลับทำสัญญาให้สิทธิ์ บริษัทที่เป็นค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ถ่ายทอดสดผ่านระบบ iptv ระบบอินเตอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงระบบอื่น ๆ ของค่ายมือถือดังกล่าวเพียงเจ้าเดียว โดยปิดกั้นช่องทางการเผยแพร่กล่องรับสัญญาณของค่ายมือถืออื่นและระบบอื่น ๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประกาศ mush have mush carry ที่ต้องการให้ประชาชนสามารถรับชมได้อย่างทั่วถึงและทุกช่องทาง
นางสาวกุลธิดา เกิดแก่นแก้ว ระบุด้วยว่า การระงับดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ของทั้ง 2 หน่วยงาน (กกท และ กสทช.) ถือว่าเป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดสรรให้ประชาชนได้รับชมอย่างทั่วถึงและไม่เลือกปฏิบัติ
จากข้อมูลเห็นได้ชัดว่า มีประชาชนจำนวนเกือบ 1 ล้านคน ที่มีกล่องรับสัญญาณของระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตยี่ห้ออื่น ๆ ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ จึงทำให้ภาคประชาชน ตัดสินใจเข้ายื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว เพื่อลดภาระให้ประชาชน
ทั้งนี้ หากศาลจะมีความเห็นรับฟ้องและให้ไต่สวนเร่งด่วน ในบ่ายวันนี้ หรือในวันต่อ ๆ ไป ทีมกฎหมายก็พร้อมจะเข้าชี้แจง พร้อมทั้งเตรียมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้ต่อสู้ในชั้นไต่สวนแล้ว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและความเสมอภาค ให้ประชาชนผู้รับชมทุกคน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: