นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ เชื่อว่าหลาย ๆ คนกำลังวางแผนท่องเที่ยวกันอยู่แน่นอน ทะเลต้องมี ภูเขาต้องมา วันนี้เลยมี 4 ทริปท่องเที่ยวคูล ๆ แบบรักษ์โลก และอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ กับการเดินทางด้วยรถ EV (Electric Vehicle) มานำเสนอ ที่พร้อมจะพาทุกคนไปถึงจุดหมายได้อย่างมั่นใจ แถมสบายเงินในกระเป๋า
เข้ากับยุคที่ต้องประหยัด และเทรนด์โลกที่ต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม รถ EV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ในการเดินทาง เพราะนอกจากคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานประสิทธิภาพของยานยนต์ และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว ยังช่วยสร้างการเดินทางสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย ซึ่งนับเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการเดินทางและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ ซึ่งเห็นได้จากยอดจองรถ EV ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนค่ายรถยนต์ต่างผลิตและส่งมอบได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถ EV จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยอมรับว่าการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถ EV อาจจะมีความยุ่งยากในการวางแผนเดินทางมากกว่าเดิมสักหน่อย เพราะข้อจำกัดของสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ยังมีจำนวนไม่ครอบคลุมและมากเหมือนสถานีบริการน้ำมัน และไม่รู้ว่าพิกัดสถานีชาร์จรถไฟฟ้าอยู่ที่ไหน แล้วจะไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ ด้วยปัญหาเหล่านี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงได้พัฒนา แอปพลิเคชัน EleXA ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการค้นหาพิกัดสถานี ซึ่งจะทำให้การเดินทางด้วยรถ EV ง่ายขึ้นและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่โหลดแอปพลิเคชัน EleXA ของ กฟผ. ที่รวบรวมพิกัดของสถานี
อัดประจุไฟฟ้าของทุกค่ายมาไว้ในแอปเดียว ทั้งสถานี ELeX by EGAT ของ กฟผ. และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXa ที่มีกว่า 87 สถานี รวมถึงสถานีชาร์จของหน่วยงานอื่น ๆ อีกมากมายทั่วประเทศ ทำให้คุณสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างไร้กังวล ก่อนเดินทางก็ชาร์จไฟให้เต็ม พร้อมแล้วก็ไปตะลุย 4 ทริปจากโครงการ EV GO ทริปปิดดีล ของกระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ที่ได้พาเหล่าTripper ขับรถ EV ท่องเที่ยวพิสูจน์ความสะดวกของรถ EV ด้วยประสบการณ์ตรง
4 ทริป EV เที่ยวแบบรักษ์โลก แถมสบายกระเป๋า
“กรุงเทพฯ – หัวหิน” จุดหมายปลายทางที่ชื่นชอบของคนรักทะเล ถือเป็นเส้นทางที่เดินทางด้วยรถ EV ได้สบาย หายห่วงมาก ๆ เพราะมีสถานีอัดประจุไฟฟ้ามากมายตลอดเส้นทาง นับเฉพาะแค่สถานีชาร์จ ELeX by EGAT ของ กฟผ. มีถึง 4 สถานีด้วยกันได้แก่ ELeX by EGAT ภายในสถานีน้ำมัน PT บรมราชชนนี 2 สถานีน้ำมัน PT เขาย้อย1 สถานีน้ำมัน PT ชะอำ หรือจะแวะชาร์จไฟและชอปที่ศูนย์การค้า Market Village หัวหิน ก็ได้เช่นกัน นอกจากจะได้แวะเที่ยวทะเล ร้านอาหาร และคาเฟ่สุดคูล มากมายแล้ว
ยังมีกิจกรรมรักษ์โลกสายกรีนสนุก ๆ ที่แนะนำให้ไม่พลาดกัน คือ การปลูกป่าชายเลนณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลก สร้างสิ่งแวดล้อมและอากาศที่ดีให้เรา จบทริปกรุงเทพฯ
– หัวหิน รวมระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย รถ EV หรือค่าชาร์จไฟฟ้าเพียงแค่ 145 บาท เท่านั้น และเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์สันดาปที่จะต้องเติมน้ำมันถึง 524 บาท การเดินทางครั้งนี้ถูกกว่าเกินครึ่งไปเลยจ้า
อีกสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถขับรถ EV ไปเที่ยวได้แบบมั่นใจไร้ความกังวล คือ เส้นทาง “กรุงเทพฯ – พัทยา” ด้วยระยะทางกว่า 270 กิโลเมตร คุณจะผ่านสถานนีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT 2 สถานี ได้แก่ ภายในสถานีน้ำมัน PT บางพระและภายใน โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ตลอดการเดินทางเสียค่าชาร์จไฟฟ้าเพียงแค่154 บาท ประหยัดกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเกือบ 500 บาท
นอกจากนี้ คุณสามารถแวะร้านอาหารอร่อย ๆ คาเฟ่ชิค ๆ ได้ตลอดเส้นทาง แถมมีกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ หาดนภาธาราภิรมย์ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการปลูกป่าอีกด้วย
เส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเส้น คือ เส้นทาง “กรุงเทพฯ – เขื่อนศรีนครินทร์” เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง มาพักผ่อนกับธรรมชาติที่สวยงามของเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี
ภายในเขื่อนฯ มีทั้งที่พักแสนสบาย ร้านอาหารรสเลิศไว้คอยบริการ อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวรอบเขื่อนที่น่าสนใจมากมาย อาทิ น้ำตกไทรโยค น้ำตกเอราวัณเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 230 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางมีสถานีชาร์จ EleX by EGAT ของ กฟผ. 3 สถานี ได้แก่ ในสถานีน้ำมัน PT บรมราชชนนี2 สถานีน้ำมัน PT บ้านใต้ และสถานีชาร์จภายในเขื่อนศรีนครินทร์ หากลองคำนวณค่าใช้จ่ายเดินทางด้วยรถ EV จ่ายเงินเพียงแค่ 145 บาท ในขณะที่ใช้รถยนต์ในการเดินทางจะต้องจ่ายค่าน้ำมันถึง 524 บาท
นอกจากนี้ ยังข่าวแว่ว ๆ มาว่า กฟผ. กำลังจะเปิดตัวบ้านพักแห่งใหม่ที่ทั้งประหยัดพลังงาน มีดีไซด์สุดคูลที่มาพร้อมฟังก์ชันและอุปกรณ์การใช้งานภายในบ้านสุดล้ำกับบ้าน “ครินทร์ (KARIN)” ที่พร้อมต้อนรับและให้บริการนักท่องเที่ยวภายในต้นปีหน้าบ้าน KARIN ทุกหลังมีการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Wallbox ที่ชาร์จไฟฟ้าง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน EleXA ของ กฟผ. สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับรถ EV ในการมาเที่ยวพักผ่อนว่ามีที่ชาร์จแน่นอน
เส้นทางสุดท้ายที่อยากแนะนำและพลาดไม่ได้คือ เส้นทาง “กรุงเทพฯ – เขาใหญ่” ระหว่างทางจะพบกับสถานีชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT ของ กฟผ. ถึง 3 สถานี ได้แก่ภายในสถานีน้ำมัน PT วังน้อย 5 สถานีน้ำมัน PT ปากช่อง 3 และภายในร้านอาหารดีไซน์ปราสาทสุดฮิต Midwinter เขาใหญ่ ด้วยระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร หากเดินทางด้วยรถยนต์ EV จะจ่ายค่าชาร์จไฟฟ้าแค่ 140 บาท ในขณะที่รถยนต์สันดาปจ่ายค่าน้ำมัน 570 บาท ซึ่งประหยัดเงินกว่ากันเห็น ๆ สำหรับเส้นทางนี้นักท่องเที่ยวสามารถแวะเที่ยวชมทุ่งกังหันลมสุดอลัง ณ อ่างพักน้ำตอนบน โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา กฟผ. และร่วมกิจกรรมปลูกป่าลอยฟ้า ณ ผายายเที่ยง โดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ เช่น มะค่าโมง ลงไปยังผืนป่าเบื้องล่าง นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าที่ผายายเที่ยง จุดชมวิวที่สวยงามมองลงมาเห็นเขื่อนลำตะคอง และวิวมอเตอร์เวย์สวยสุดอีกแห่งหนึ่งที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
ทั้งนี้ การคำนวณและเปรียบเทียบค่าเชื้อเพลิงในการเดินทางด้วยรถ EV และรถยนต์น้ำมัน ทั้ง 4 ทริป เป็นการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองพลังงานของรถ EV ที่ 7.93 กม./หน่วยณ ราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่หน่วยละ 5 บาท สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ 15 กม./ลิตร ซึ่งราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ณ วันที่ 10 ธ.ค. 65 อยู่ที่ลิตรละ34.15 บาท แต่หากชาร์จไฟจากบ้านพักของตัวเองก็จะยิ่งประหยัดกว่าชาร์จที่สถานีถึงร้อยละ 33 ยิ่งถ้าชาร์จไฟในช่วงเวลากลางคืน ในวันเสาร์ อาทิตย์ ที่เป็นช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย (off-Peak) ด้วยแล้ว ยิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าชาร์จไฟในช่วงเวลากลางวันถึงร้อยละ 50 ใครที่กำลังวางแผนท่องเที่ยวปีใหม่ สนใจทริปไหน ลองวางแผนการเดินทางแล้วไปพักผ่อนชาร์จพลังกาย พลังใจกันเล้ย…
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: