กรุงเทพฯ – รัฐบาลหนุนโครงการ ‘เด็กไทยว่ายน้ำได้’ หลังพบ ‘จมน้ำเสียชีวิต’ สาเหตุการตายอันดับ 2 ของเด็กทั่วโลก ส่วนเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 780 คน
วันที่ 5 มกราคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) ที่มี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแนวทางการลดปัญหาการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กและเยาวชนไทย สอดรับกับมติสมัชชาสหประชาชาติ ที่ต้องการป้องกันการจมน้ำของเด็กทั่วโลก
ตัวเลขจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ทั่วโลกมีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 3.6 แสนคน เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 1.45 แสนคน เป็นสาเหตุอันดับ 2 ของการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี รองจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ขณะที่ในภูมิภาคอาเซียน การจมน้ำเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2554 -2563) ประเทศไทยมีคนเสียชีวิตจากการจมน้ำ 3.6 หมื่นคน เฉลี่ยปีละ 3,614 คน เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เฉลี่ยปีละ 780 คน เมื่อปี 2564 เสียชีวิต 658 คน และปี 2563 มี 540 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการชักชวนกันไปเล่นน้ำและพลัดตกมากที่สุด
นางสาวรัชดา ระบุอีกว่า กรมพลศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการป้องกันการจมน้ำ ได้ดำเนินโครงการ ‘เด็กไทยว่ายน้ำได้’ เพื่อให้เด็กมีทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นที่ถูกต้อง สามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ และรู้หลักการใช้อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ ซึ่งจะเป็นการลดอัตราการจมน้ำของเด็ก เฉพาะปี 2565 มีเด็กต่ำกว่า 15 ปี เข้าร่วมโครงการจาก 77 จังหวัด รวม 9,311 คน มากไปกว่านั้น ทางกรมฯ ได้เสนอแนวทางการลดปัญหาการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อนำ 5 แนวทาง ที่ได้รับการเห็นชอบไปพิจารณาดำเนินการ ประกอบด้วย
1.กระทรวงศึกษาธิการ บรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนว่ายน้ำขั้นพื้นฐานเป็นวิชาบังคับในสถานศึกษาที่มีความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์กรณีที่สถานศึกษามีข้อจำกัดด้านสถานที่และอุปกรณ์ให้พิจารณาสนับสนุนงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสระว่ายน้ำเคลื่อนที่สำหรับเด็กและเยาวชนได้ฝึกว่ายน้ำเพื่อให้มีทักษะการว่ายน้ำและสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ
2.กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจัดทำองค์ความรู้เรื่องการป้องกันการจมน้ำของเด็กและเยาวชนในรูปแบบสื่อประเภทต่างๆพร้อมเผยแพร่ในสถานศึกษาผ่านช่องทางที่หลากหลาย
3.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันทำการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ ผู้ปกครองครู และประชาชนทั่วไปในการป้องกันและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนจากการจมน้ำ
4.กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดค่าเป้าหมายและมาตรการ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีทักษะในการป้องกันการจมน้ำ พร้อมติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
5.ร่วมกันวางแผนและกำหนดพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน
“รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิต ส่งเสริมให้เด็กมีทักษะการว่ายน้ำและสามารถเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำได้ ในส่วนของภาครัฐจะได้มีการบูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการสูญเสียจากการจมน้ำอีกต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: