กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 146,070.40 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบอุดมศึกษา และขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พัฒนาบุคลาการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
วันที่ 10 มกราคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวมน 146,070.40 ล้านบาท เพื่อการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของไทย โดยแบ่งเป็น
กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา ในความรับผิดชอบของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จำนวน 114,970.40 ล้านบาท และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ จำนวน 31,100 ล้านบาท
ใช้ระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เสนอ มีวัตถุประสงค์ตอบโจทย์สำคัญและความเร่งด่วนของประเทศ โดยมุ่งตอบสนองการขับเคลื่อนประเทศ ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจฐานรากเพื่อขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับทุนทางวัฒนธรรม การผลิต และพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
ข่าวน่าสนใจ:
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ด้านการอุดมศึกษา อาทิ จัดการศึกษาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญา 1,345,086 คน สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต การบินและโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อาหารแห่งอนาคต เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีภาพ ร้อยละ 30 ของจำนวนนักศึกษารวมปีการศึกษา 2566, พัฒนากำลังคนในหลักสูตร Non-Degree (Re-Skills, Up-Skills, New Skills) จำนวนไม่น้อยกว่า 25,000 คน, เปิดโอกาสให้ผู้เรียนกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป เข้าศึกษาในระบบอุดมศึกษา จำนวนไม่น้อยกว่า 275,000 คน, โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย เพื่อปฏิรูประบบการศึกษา 5 ด้าน
นางสาวรัชดา แถลงต่อว่า สำหรับด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ จะเน้นการพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย และนวัตกรรม อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจไทย ด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้มีความสามารถในการแข่งขันและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต, การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหาท้าทาย และปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก, การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค เพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต, การพัฒนากำลังคน สถาบันอุดมศึกษา และสถาบันวิจัย ให้เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 อาทิ การให้บริการการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics Medicine) มาใช้ในการวินิจฉัย รักษา และทำนายปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้ตรงจุด แม่นยำ และเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายมากขึ้น ไทยมีศูนย์กลางกำลังคนระดับสูง (Hub of Talent) ของอาเซียน และมีศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) ของอาเซียน ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1 แห่ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: