กรุงเทพฯ – กรมควบคุมโรค ชี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียชีวิต 44 คน เฉลี่ยวันละ 6 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนถึง 32.3 % ขณะที่ชาวต่างชาติ พบผู้ติดเชื้อ 8 คน ต้องรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 คน
วันที่ 25 มกราคม 2566 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยสถานการณ์โควิด 19 ของประเทศไทย รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (15–21 ม.ค.2566) มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 คน เฉลี่ยวันละ 90 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 277 คน ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 178 คน ผู้เสียชีวิต 44 คน เฉลี่ยวันละ 6 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 32.3 % และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 มีผู้หายป่วย สะสม 2,593 คน เสียชีวิต สะสม 167 คน
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า แม้ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องกักตัวหรือต้องมีผลตรวจโควิด 19 แต่สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติทุกสัญชาติ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค.2566 พบผู้ติดเชื้อเพียง 8 คน มีอาการต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 คน ที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน ที่เหลือเป็น เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีใต้ สัญชาติละ 1 คน
ทั้งนี้ อัตราการพบผลบวกต่อโรคโควิด 19 ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 (8-14 ม.ค.66) พบ 1.7 % สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ม.ค.66) พบเพียง 0.5 %
จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานขณะนี้สายพันธุ์ที่พบในไทยมากที่สุด เป็นสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 (86 %) ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ และจากการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ที่ต้องเดินทางไปประเทศที่กำหนดให้ตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องนั้น ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ รายงานข้อมูลการติดเชื้อโควิด 19 เข้าระบบโคแล็บ (Co-Lab) พบติดเชื้อประมาณ 300-400 คน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยพบผลบวกในนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียง 10 กว่าคน (ประมาณ 4 % ของผู้เดินทางสัญชาติเดียวกัน)
“ขอให้ประชาชนยังคงดูแลตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เลี่ยงที่แออัดสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสชาติ ให้ตรวจ ATK ทันที เพื่อป้องกันการนำเชื้อโควิด 19 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422” นายแพทย์ธเรศ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: