กรุงเทพฯ – คณะรัฐมนตรี เห็นชอบรายงานการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และประชารัฐสวัสดิการใหม่ ให้ผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 14.6 ล้านราย เริ่มยืนยันตัวตน 1 มีนาคม 66
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียน‘โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ปี 2565 และกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งอนุมัติงบกลาง จำนวน9,140.35 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม นำมาสมทบกับเงินกองทุนฯ ในการดำเนินการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ เช่น วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค จากร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวน300 บาท/คน/เดือน วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท/คน/เดือน
รายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 มีรายละเอียด ดังนี้
1.ผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 14,596,820 ราย ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 5,050,421 ราย ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ มีรายได้เกิน100,000 บาท/ปี มีบัญชีเงินฝากเกิน 100,000 บาท มีบัตรเครดิต มีวงเงินกู้บ้าน/รถ เป็นต้น
ข่าวน่าสนใจ:
2.กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ ปี 2565
– ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติและเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตน 1 มีนาคม 2566
– เริ่มใช้สิทธิ์สวัสดิการสำหรับผู้ลงทะเบียนรอบปกติ 1 เมษายน 2566
– กระบวนการอุทธรณ์ (กรณีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ) 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566
– ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 20 มิถุนายน 2566
– เริ่มใช้สิทธิ์สำหรับผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ 1 กรกฎาคม 2566
3.ข้อเสนอประชารัฐสวัสดิการใหม่ที่จัดสรรให้แก่ผู้มีบัตรฯ
1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้า 300 บาท/คน/เดือน
2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท/คน/สามเดือน
3) วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท/คน/เดือน
4) วงเงินค่าไฟฟ้า 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
5) วงเงินค่าน้ำประปา 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน แต่ไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า โครงการฯ ปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคน และเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถ ขสมก. รถ บขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ รวมทั้งสามารถเฉลี่ยการใช้วงเงินได้กับทุกประเภท รวมทั้งยังกำหนดให้วงเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้เป็นสวัสดิการหลักที่ไม่มีเวลาหมดอายุด้วย โดยกระทรวงการคลังคาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้แก่ผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: