X

‘นายกฯ’ ย้ำ เข้มแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วย 3 มาตรการ ตามแผนวาระแห่งชาติ

​กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี สั่งเร่งบรรเทาผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 เน้นย้ำทุกหน่วยงานเข้มข้นแก้ไขปัญหา ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง แนะประชาชนดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง คาด จะยังมีปัญหาอยู่อีก 1-2 สัปดาห์

วันที่ 10 มีนาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา ฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ อย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ‘การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง’ ภายใต้ 3 มาตรการสำคัญ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ เพื่อให้การแก้ไขปัญฝุ่นละอองตามบทบาทของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชน

ข้อมูลล่าสุดของ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 10-16 มี.ค.66 ระบุว่า วันที่ 10 มี.ค. พื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล อาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ และหลังวันที่ 11 มี.ค.เป็นต้นไป สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. ยังเป็นช่วงที่ควรเฝ้าระวัง เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองข้ามพื้นที่ได้

ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูง ทั้งตอนบนและล่าง ระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค.66

ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน สถานการณ์ฝุ่นจะค่อย ๆ ลดลง คาดว่าจะยังมีปัญหาอยู่อีก 1-2 สัปดาห์

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรียังย้ำให้แจ้งเตือน แนะนำ ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย กำหนดสถานที่พักชั่วคราว หรือ Safety Zone ระบบแจ้งเตือนสถานการณ์และบริการสาธารณสุข เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ/บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง/พื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง

ย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน สร้างการรับรู้ถึงข้อมูลและสถานการณ์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ แบ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมให้สอดคล้องตามหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมความตระหนัก และปรับพฤติกรรมประชาชนในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองมาจากพวกเราทุกคน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

รัฐบาลยังเร่งขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน เช่น การขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero greenhouse gas emission) ภายใน ค.ศ.2065 การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านพลังงานหมุนเวียนชนิดต่าง ๆ อาทิ แสงแดด ลม และ Hydrofloating solar จะส่งผลต่อการลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่ส่งผลต่อการลดลงของ PM2.5 รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ตามแผน 30@30

“ประชาชนที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคทางปอด หัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมถึงเด็กเล็ก และหญิงตั้งครรภ์ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ได้ตลอดเวลาเพื่อสามารถปฏิบัติตัวในการป้องกันตนเองได้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัย” นายอนุชา กล่าว

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"