กรุงเทพฯ – ผ่านไป 13 ชั่วโมง! ปฏิบัติการสยบ ‘สารวัตรคลั่ง’ ยังไม่สำเร็จ เจ้าตัวยังคลั่งเป็นระยะ ๆ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ไม่บุกเข้าชาร์จ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย ผู้ก่อเหตุมีทั้งปืนและมีด แต่เป็นผู้ป่วย ไม่ใช่อาชญากร
วันที่ 14 มีนาคม 2566 ความคืบหน้าตำรวจยศ พ.ต.ท.กิตติกานต์ บุญเเสง สารวัตรศูนย์พัฒนาด้านการข่าวสันติบาล คลุ้มคลั่ง กราดยิงบ้านพัก เคหะบ้านมั่นคง ซอยจิระมะกร สายไหม กทม. หลังเวลาล่วงเลยมากว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมพื้นที่พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม และยิงแก๊สน้ำตา แต่ไม่เป็นผล
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ควบคุมสถานการณ์และเจรจากับสารวัตรคลั่ง ว่า ได้ใช้ความพยายามเจรจากับผู้ก่อเหตุ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ลงมาจากบ้านพัก ชั้น 2 แต่สารวัตรกานต์ ไม่ได้มีท่าทีที่อ่อนลง
จึงโทรศัพท์ติดต่อให้แม่ของสารวัตรกานต์ เกลี้ยกล่อม โดยเเม่สารวัตรกานต์ พูดเป็นภาษาเหนือ บอกว่า “แม่เป็นห่วงลูก เเม่รักลูก ไม่ต้องเป็นห่วงยศลาภ มีอะไรก็ขอให้ลงมาออกมาคุยกัน” เเต่สารวัตรกานต์บอกกลับมาว่า “ไม่ต้องมาเป็นห่วง” หลังจากนั้น ก็มีอาการคุ้มคลั่งขึ้นอีก เเละพูดจาไม่รุ้เรื่อง พูดไปถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และทหาร
รอง ผบ.ตร. ยังเดินหน้าเจรจาต่อ ก่อนที่ต่อมา เเม่ของสารวัตรกานต์ เข้าสายโทรศัพท์มาอีกรอบ และพยายามเกลี้ยกล่อม เเต่สารวัตรกานต์ ยิ่งส่งเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ไม่ยอมคุยด้วย ก่อนตะโกนออกมาว่า “อยากตาย”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ย้ำว่า ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย เพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธ แต่เป็นผู้ป่วย ไม่ใช่อาชญากร โดยมีอาการจิตเวชแต่ไม่กินยา ซึ่งหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานทราบดีพร้อมยืนยันจะไม่มีการเข้าชาร์จ หรือใช้แก๊สน้ำตาอีก ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังรู้ตัว แต่เหมือนสติหลุด พูดจาไม่รู้เรื่อง ต้องให้จิตแพทย์ช่วยประเมินสถานการณ์ และรอแม่เดินทางมาข่วยเกลี้ยกล่อม
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือและความเข้าใจจากประชาชนที่บ้านเรือนอยู่ใกล้เคียงและยังเข้าบ้านไม่ได้ เพราะไม่ต้องการให้เสี่ยงชีวิต เดือดร้อนแต่ปลอดภัยจะดีกว่า และไม่กีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ต้องประเมินสถานการณ์ระดับสูงไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการติดต่อจัดหาสถานที่ปลอดภัยให้ประชาชนไปอาศัยชั่วคราวก่อน
ส่วนสาเหตุที่แก๊สน้ำตาไม่สามารถทำอะไร สารวัตรกานต์ได้นั้น ทราบมาว่าคนที่มีอาการทางจิตเวชจะไม่รับรู้
สำหรับปมการก่อเหตุ มาจากเรื่องส่วนตัว (ความรัก) ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน
