กรุงเทพฯ – นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์ ใช้ทรัพยากรรัฐ เอื้อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ปมตรวจราชการ 18 จังหวัด
วันที่ 17 มีนาคม 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่
เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2565 มีหน้าที่จัดตารางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพบว่ามีการลงพื้นที่ตรวจราชการ 16 ครั้ง ใน 18 จังหวัด แอบแฝงการหาเสียง โดยนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมลงพื้นที่ด้วย
นายสมชัย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีนำทรัพยากรของรัฐ เช่น การใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ 8 เที่ยว และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก 18 เที่ยว รวมทั้งการเกณฑ์ข้าราชการและชาวบ้านมาต้อนรับ มีตำรวจและทหารคอยรักษาความปลอดภัยนับร้อยนาย มองว่าการไปตรวจราชการหลายเรื่อง ไม่ใช่วิสัยของนายกรัฐมนตรี เช่น ที่ จ.นครราชสีมา ไปตรวจอาคารจอดรถ และที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจโครงสร้างเจดีย์และโบราณสถาน ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่สมศักดิ์ศรีของการเป็นนายกรัฐมนตรี
ข่าวน่าสนใจ:
นายสมชัย ชี้ด้วยว่า กกต.ต้องกำกับดูแล ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม พร้อมกำกับดูแลไม่ให้ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนั้น จะถือว่าทำผิดกฎหมายตามมาตรา 132 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กกต.สามารถให้ใบส้ม (เพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง 1 ปี และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่) หรือถ้าเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อ สามารถถอดออกจากบัญชีรายชื่อได้ และหากพบว่ากรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ รวมถึงตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และดำเนินคดีอาญา กรณีนี้จะครอบคลุมในกรณียุบสภา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: