ลำปาง – กฟผ. ร่วมกับภาคีเครือข่าย หาแนวทางแก้ปัญหาโลกร้อน สู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Net Zero) พร้อมเปิดตัวระบบสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยข้อมูล (Mae Moh City Data Platform) สนับสนุนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม PM2.5 และการจัดการเมืองสู่ความยั่งยืน โดยใช้อำเภอแม่เมาะเป็นต้นแบบเมืองน่าอยู่ พร้อมขยายผลสู่เมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดตัวระบบสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยข้อมูล (Mae Moh City Data Platform) โดยมี ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน พร้อมด้วย นางลิสา เอ. บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่, นายจักรพงษ์ แย้มยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเมืองและสังคมคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน), ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม, นายชนาธิป เสมแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, นายจรัญ คำเงิน รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. และผู้บริหาร เข้าร่วม ณ กฟผ.แม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566
ข่าวน่าสนใจ:
- สงขลา เดชอิศม์ "ลุย"สงขลา ชูเมืองสุขภาพดี อำเภอ น้ำประปาสะอาด ทม.สะเดาติด 1 ใน 4
- ชมรมประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารกรฟ.แม่เมาะ ร่อนหนังสือถึงพ่อเมืองลำปางจี้เร่งประชุมประชาสัมพันธ์ชี้แจงผลการดำเนินงาน
- เครื่องบินตกครบ 3 เดือนกับความกระจ่างที่ยังไม่ปรากฏ คนพื้นที่ยังหวาดหวั่นคาใจ
- "ไทย-ญี่ปุ่น" 70 ปี ของความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (ODA) ในประเทศไทย
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงทางออกวิกฤติหมอกควันของประเทศไทย ว่า ปัจจุบัน ปัญหาหมอกควันเริ่มทวีความรุนแรงในวงกว้าง เป็นผลมาจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ อาทิการเผา การสันดาปของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก ดังนั้น เป้าหมายในการพัฒนาเมืองสู่ความยั่งยืน จึงต้องยึดหลักการสำคัญ คือ ทำให้เมืองมีความปลอดภัย มีภูมิต้านทานที่ดี รวมถึงสร้างการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนได้
การสร้างเมืองน่าอยู่ต้องมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ประกอบด้วย ระบบการติดตามตรวจสอบ (Monitoring) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เข้าถึงง่ายในการบริหารจัดการคุณภาพอากาศ เช่น การพยากรณ์ค่าฝุ่นและมลพิษต่าง ๆ ทั้งจากชั้นบรรยากาศและแหล่งกำเนิด การส่งเสริมให้เกิดปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนรวมถึงมาตรการและนโยบายภาครัฐที่ต้องส่งเสริมให้เกิดพื้นที่สีเขียวและมาตรฐานที่ดีในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม อุตสาหกรรม ตลอดจนการประสานขอความร่วมมือจากต่างประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น และประชาชนในทุกมิติ
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวอีกว่า การพัฒนา BBC crเมืองสู่ความยั่งยืนผ่านการบูรณาการเทคโนโลยี Big Data ยังเป็นกลไกสำคัญในการเร่งผลักดันประเทศไทยให้สามารถรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) รวมถึงบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065 อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคพลังงานสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการเชื่อมโยงด้านนโยบาย รวมถึงผลักดันและสนับสนุนให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ด้าน นางลิสา เอ. บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ในการก้าวสู่พลังงานสะอาดในอนาคต ว่า ที่ผ่านมา กฟผ. ได้รับทุนจากองค์กรของสหรัฐอเมริกาในการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้า ร่วมกับบริษัทอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของก้าวสำคัญ ในการนำพาประเทศไทยไปสู่การเปลี่ยนผ่านจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไปสู่พลังงานสะอาด เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐฯ ยังมองหาแนวทางใหม่เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคผ่านโครงการด้านพลังงานสะอาดและ Net Zero ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ
ทั้งนี้ วิกฤตหมอกควันส่งผลกระทบอย่างมากทั้งด้านสุขภาพของประชาชน รวมถึงการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สหรัฐอเมริกาจึงสนับสนุนงบประมาณสำหรับปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนสนับสนุนระบบดาวเทียมและเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศแก่มหาวิทยาลัยและนักวิจัยสำหรับติดตามค่าคุณภาพอากาศให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลด้วยระบบออนไลน์ได้
ส่วน นายจรัญ คำเงิน รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. กล่าวถึงการยกระดับเมืองสู่ Net Zero ด้วย City Data Platform ว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน โดยการพัฒนาระบบสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยข้อมูล (Mae Moh City Data Platform) ซึ่งนำร่องในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการยกระดับเมืองสู่ Net Zero
แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวบรวม วิเคราะห์ และแสดงผลข้อมูลเมืองด้านต่าง ๆอาทิ คุณภาพอากาศ จุดความร้อนและไฟป่า พื้นที่สีเขียว ขยะและของเสีย น้ำ และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลจริงจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) แบบเรียลไทม์ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองสำหรับประชาชน เจ้าหน้าที่ และผู้บริหารเมืองในการตัดสินใจทั้งการบริหารจัดการการเตือนภัยและแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับบริบทของการก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ซึ่งพร้อมขยายผลไปสู่ระดับจังหวัดและเมืองต่าง ๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ ‘Clean Air Solutions to Net Zero : ถกทางออกเพื่อทุกลมหายใจ ในโลกที่ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ โดยมี นายสุรชัย แสงศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง, รศ.ดร.เศรษฐ สัมภัตตะกุล หัวหน้าโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้วยข้อมูล, นายอรรถวิท ขุนทอง ปลัดอำเภอแม่เมาะ, นางเกษศิรินทร์ แปงเสน หัวหน้าโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ และนางปลายอ้อ ทองสวัสดิ์ รองประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ ร่วมเสวนา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: