จันทบุรี – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เผย ยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทย แต่ถามหา ‘สัจจะ’ ไม่ใช่ ‘เสียสละ’ ชี้ ถ้ามีพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่มีก้าวไกล ยืนยัน การเดินเกมที่ผ่านมา “ไม่ผิด”
วันที่ 23 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดใจก่อนขึ้นปราศรัยขอบคุณประชาชนที่ จ.จันทบุรี โดยยืนยัน ตอนนี้กำลังใจยังดีอยู่ ตั้งใจที่จะทำงานต่อ ไม่ว่าไปที่ไหนก็ทำงาน ลงรับฟังปัญหาในพื้นที่ และช่วย ส.ส.ของพรรคตรวจสอบประเด็น เพื่อปรึกษาหารือหรือนำไปอภิปราย ตั้งใจจะใช้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์ เป็นโค้ชให้ ส.ส.เขต
ส่วนมีความคิดเห็นอย่างไร ที่มีความพยายามให้พรรคก้าวไกลเสียสละ นายพิธา ชี้ว่า ตอนนี้คุณค่าที่สำคัญ คือ ‘สัจจะ’ ไม่ใช่ ‘เสียสละ’ สัจจะที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ ตามที่เขาคาดหวัง หากเรารักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน ก็จะไม่มีใครต้องเสียสละ เพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่มีอยู่ มาตามครรลองของการเมืองปกติ แต่ถ้าบอกให้เสียสละ เหมือนเอาคะแนน 14 ล้านเสียงไปเทกระจาด และทำให้ประชาชนผิดหวัง ถึงตอนนั้นต้องยึดสัจจะและหลักการให้มั่น มากกว่ามาบอกว่าให้ใครเสียสละ
สำหรับการที่พรรคเพื่อไทย เชิญพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาพูดคุยนั้น ก็ต้องรอทางพรรคเพื่อไทยกลับมาชี้แจงกับวง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล อย่างเป็นทางการก่อน และยังมั่นใจในพรรคเพื่อไทย
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อถามว่า การไปพูดคุยกับพรรคทหารจำแลง จะเป็นเงื่อนไขผลักพรรคก้าวไกล ออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ตอนนี้ยังเป็นแค่การพูดคุย แต่ถ้ามีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาลจริง พรรคก้าวไกลอยู่ร่วมไม่ได้
“ก้าวไกลไม่สามารถอยู่ร่วมรัฐบาลได้ ถ้ามีการเชิญจริง ๆ แต่ ณ ปัจจุบันนี้พูดให้ชัด ผมเข้าใจว่าเป็นการเชิญมาพูดคุย ยังไม่มีการเชิญร่วมรัฐบาล ในส่วนนี้ต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทยก่อนว่า ตกลงแล้วเป็นยังไงกันแน่ และผมจะฟังจากปากของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตัดสินใจตามหน้าข่าว หรือการฟังสัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ แต่ต้องฟังเหตุและผลยาว ๆ” นายพิธา ย้ำ
ทั้งนี้ ไม่ได้รู้สึกอะไร หรือรู้สึกถูกบีบ ที่พรรคซึ่งเข้ามาคุยกับพรรคเพื่อไทย ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พรรคก้าวไกลเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะถ้า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจับมือกันให้แน่น ใคร ๆ ก็มาบีบเราไม่ได้ ขณะเดียวกัน ถ้าเราหนักแน่น และยังยืนยันในหลักการ ก็จะสามารถทำให้คนค่อย ๆ เข้ามาร่วมกับเราได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องให้เขามาบีบเรา แต่ให้เราสามารถที่จะใช้เหตุผล หลักการ และความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ที่จะสามารถดึงพวกเขาเข้ามา
ถามต่อว่า หาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอให้ถอยในเรื่องมาตรา 112 จะถอยได้มากแค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ไปประชุมแทน มีการหารือว่า ถ้าจะให้ถอยจะให้ถอยเรื่องอะไร ถอยด้วยเนื้อหาอะไร ต้องฟังในรายละเอียด และจะต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ว่าข้อความที่ฝากมานั้น มีเรื่องไหนบ้าง ตรงตามที่ ส.ว.เคยอภิปรายหรือไม่ ให้นำรายละเอียดมาเพื่อให้พรรคก้าวไกลตัดสินใจ แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียด ฟังเพียงจากปาก ทำให้การตัดสินใจไม่นิ่ง
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังตอบอย่างมั่นใจด้วยว่า การเดินเกมที่ผ่านมา “ไม่ผิด” แม้ทำให้ต้องเสียเก้าอี้ประธานรัฐสภาและนายกรัฐมนตรี จนตอนนี้ถูกบีบให้เป็นฝ่ายค้าน เพราะตั้งใจทำงานแบบรุกได้ถอยเป็น เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แน่นอนว่ามีบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่ได้เกินคาด และยังเดินหน้าทำงานต่อ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: