กรุงเทพฯ – เลขาธิการพรรคก้าวไกล ประกาศ จะไม่มีการจับขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้านกับพรรคลุง ยืนยัน พรรคเพื่อไทยไม่เคยเจรจาให้ถอยเรื่องมาตรา 112 แค่ข้ออ้างฝ่ายการเมือง-กลุ่มอำนาจเก่า-บางพรรคที่เคยจับมือกัน คาด พรุ่งนี้ ( 3 ส.ค.) ได้ข้อสรุป โหวตใครเป็นนายกรัฐมนตรี
วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคกัาวไกล แถลงภายหลังประชุม ส.ส.พรรคก้าวไกล และหลังจากพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล และพร้อมเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 4 สิงหาคม ว่า พรรคก้าวไกลมีประเด็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1.พรรคก้าวไกลขอโทษประชาชน ที่ไม่สามารถผลักดันจัดตั้งรัฐบาลที่เคารพเจตจำนงค์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้งได้สำเร็จ จากการพูดคุยระหว่างตัวแทนพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเมื่อเช้านี้ พรรคเพื่อไทยต้องการขอออกจากข้อตกลงความเข้าใจ (เอ็มโอยู : MOU) ทั้ง 2 ฉบับ คือ MOU จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 8 พรรค และ MOU ที่เพื่อไทยและก้าวไกลทำร่วมกัน ตอนที่พูดคุยเรื่องการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
2.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอย เรื่องการเสนอมาตรา 112 และตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีการเจรจาในเรื่องนี้ แต่พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองเกือบทั้งหมดที่เพื่อไทยพูดคุยด้วย ไม่ต้องการพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่องมาตรา 122 หรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม คิดว่าเหตุผลที่แท้จริงเรื่อง มาตรา 112 เป็นเพียงข้ออ้างฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่า ที่ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และหลายพรรคที่เคยแถลงร่วมกับพรรคเพื่อไทย ก็พูดชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกับพรรคก้าวไกล
3.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกล โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิของแต่ละพรรค และมีแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคน กังวลว่าหากพรรคก้าวไกลโหวตให้เพื่อไทย อาจจะทำให้ ส.ว.ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย เพราะกลัวว่าเพื่อไทยจะดึงก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงาน ในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ ให้ดีที่สุดตามที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เพื่อผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนทุกคน ผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เท่าทันโลก และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตอย่างเสมอภาคเท่าเที่ยม การผลักดันการกระจายอำนาจ ปฏิรูประบบราชการ การสร้างรัฐที่โปร่งใส่เป็นธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน
ส่วนเรื่องการโหวตนายกฯ นั้น ที่ประชุม ส.ส.มีการแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่มีมติ ในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) น่าจะได้ข้อสรุปเป็นมติพรรค สำหรับท่าทีของอีก 6 พรรค พรรคจะไปอยู่กับเพื่อไทย พรรคไหนจะอยู่กับก้าวไกลนั้น ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า จะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้อย่างไร ขณะที่เพื่อไทยพยายามผลักดันแก้กฎหมายที่อยู่ในร่าง MOU นายชัยธวัช ระบุว่า ตอนนี้ MOUไม่มีอีกแล้ว แต่ในฐานะ ส.ส. จะเสนอร่างกฎหมาย และเสนอแนะร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และหวังว่าหากก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล จะเห็นชอบด้วย
ถามต่อว่า ความรู้สึกของพรรคก้าวไกลตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายชัยธวัช ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงความบิดเบี้ยวของการเมืองไทย อำนาจสูงสุดไม่ได้เป็นของประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจของเราที่จะผลักดันเปลี่ยนแปลงอย่างสุดความสามารถเพื่อให้การเมืองไทยกลับมาเป็นระบบประชาธิปไตยปกติ ที่เสียงและอำนาจของประชาชนสำคัญที่สุด
เมื่อถามว่า ถือเป็นการจากกันด้วยดีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การพูดคุยเมื่อเช้าก็เข้าใจซึ่งกันและกัน
ส่วนหากพรรคลุงเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก พรรคที่ไม่ถูกเลือกให้ร่วมรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีใครมีสิทธิเลือกซึ่งกันและกัน ไม่มีการจับขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้าน
สำหรับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขณะนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากอาการของไข้หวัดใหญ่หนักกว่าที่คิดไว้ แต่ได้พูดคุยทางออนไลน์กันแล้ว และได้แจ้งให้นายพิธาทราบ ภายหลังการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายพิธาไม่ได้ให้ความเห็นอะไร เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเช่นนี้แล้ว เราคงไปเรียกร้องอะไรไม่ได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: