X

‘ก้าวไกล’ ชี้ วิชามาร ล้ม! ประชุมรัฐสภา ไม่สง่างาม แจง ไม่ได้เสนอญัตติซ้ำ

กรุงเทพฯ – เลขาธิการพรรคก้าวไกล ติง ‘วันนอร์’ ชิงปิดประชุมรัฐสภา เสียดายไร้ข้อสรุปแก้ไข มาตรา 272 แจง ทำเพื่อทุกพรรค หวังปลดล็อก ด้าน โฆษกพรรค ยืนยัน ไม่ได้เสนอญัตติซ้ำ ย้ำปัญหาของสภาฯ แก้ได้ที่สภาฯ

วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวหลัง นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งปิดการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ทำให้วาระสำคัญ คือ การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ไม่ให้มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเลื่อนออกไป

โดยยืนยันว่า ญัตติที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เสนอให้มีการทบทวนมติรัฐสภา เรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี อยู่ภายใต้การกำกับของข้อบังคับ ข้อ 41 นั้น เป็นกระบวนการตามปกติ เป็นญัตติที่ถูกต้อง และประธานสภาควรเปิดให้มีการลงมติ

“ในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ นายวันมูฮัมหมัดนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ มีข้อกังวลว่า การปิดสภาฯ วันนี้ จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่สง่างาม อาจถูกมองได้ว่า เมื่อเห็นว่าเสียง ส.ว.ไม่มากพอ จึงไม่นำไปสู่การลงมติ หวังว่าการดำเนินการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น” นายชัยธวัช กล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันอีกว่า การเลือกนายกฯ ของรัฐสภาในวันนี้ สามารถดำเนินการได้ ไม่จำเป็นต้องรอมติศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา และที่สำคัญ ต่อให้สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาลงมติว่า ให้เลื่อนวาระการเลือกนายกฯ ออกไปก่อน ก็ยังมีวาระที่ 2 คือ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่การเลือกนายกฯ มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง การพิจารณาเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ตามร่างที่พรรคก้าวไกลเสนอ หากผ่านวาระที่หนึ่ง จะทำให้สถานการณ์การเลือกนายกฯ ไม่เดินไปสู่ทางตัน จึงหวังว่าการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไปจะดำเนินการประชุมได้โดยเร็วที่สุดและเป็นปกติ

ด้านนายรังสิมันต์ ระบุว่า วันนี้ ส.ส.ก้าวไกลพร้อมทำหน้าที่ ตั้งใจยื่นญัตติเพื่อขอทบทวนมติรัฐสภา หลังจากก่อนหน้านี้มีการเข้าชื่อกันของ นักวิชาการและผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การพิจารณาเลื่อนวาระเลือกนายกฯ แต่ในความเป็นจริง กระบวนการที่เป็นปัญหาเหล่านี้ ใช้อำนาจกลไกของสภาฯ หาทางออกได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญ

“พวกเราไม่มีเจตนาประวิงเวลา ความเป็นจริงท่านประธานต้องให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้เร็วที่สุดและหวังว่าเมื่อสภามีมติไปแล้ว เช่น มติให้ทบทวนและเลิกในผลที่เราเคยมีมติ ก็จะได้ไม่ต้องมาเจอเงื่อนไขเลื่อนการประชุมครั้งต่อไป เพราะไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรในอนาคต” นายรังสิมันต์ กล่าว

โฆษกพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การเสนอของพรรคก้าวไกลในวันนี้ ไม่ใช่ญัตติซ้ำ เพราะเนื้อหาสาระ คือ การเสนอให้ทบทวน ซึ่งแตกต่างจาก วันที่ 19 กรกฎาคม ที่เป็นมติเรื่องการตีความข้อบังคับว่าการเสนอชื่อนายกฯ คือพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเสนอได้อีกหรือไม่ ตามข้อบังคับฯ ข้อ 41

ส่วนที่ประธานสภาฯ พยายามอธิบายว่า ตามข้อบังคับ ข้อ 151 มีข้อความระบุการตีความนั้น ต้องเป็นการตีความที่เด็ดขาด แต่คำว่า ‘เด็ดขาด’ ในที่นี้ หมายความว่า เมื่อตีความไปแล้วจะมีผู้หนึ่งผู้ใดยกเรื่องเดิมมาอีกไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นไม่ให้ที่ประชุมของรัฐสภามีการทบทวนวินิจฉัยอีกครั้ง เทียบเคียงกับองค์กรอื่น เช่น ศาล ที่มีอำนาจเด็ดขาดลักษณะเดียวกัน ถึงที่สุดก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นยืนยันว่าการเสนอเช่นนี้ทำได้แน่นอนและเพื่อนสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยก็ได้ช่วยยืนยันแล้ว

“ทั้งหมดนี้จึงน่าแปลกใจและน่าเสียดายที่การประชุมของสภาต้องสิ้นสุดโดยไม่มีข้อยุติอะไรเลย ที่น่าเสียดายที่สุดคือวาระพิจารณายกเลิกมาตรา 272 ซึ่งเป็นประตูทางออกของประเทศ วันนี้เราทราบตั้งแต่ต้นว่ามีความพยายามล้มการประชุม ถ้าไม่ได้ สส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ช่วยกระตุ้นก็คงไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่การใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญที่พี่น้องประชาชนถามก็คือ ประเทศได้อะไร” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายชัยธวัช ยืนยันในตอนท้ายว่า หากมีการประชุมรัฐสภาครั้งหน้า จะเสนอญัตติให้มีการทบทวนมติรัฐสภาอีก เพราะวันนี้ญัตติไม่ได้ตกไป เพียงแต่เลื่อนพิจารณา  ส่วนการยกเลิกมาตรา 272 มีความสำคัญต่อสถานการณ์การเลือกนายกฯ ที่ทำให้การเมืองไม่ไปสู่ทางตัน ยืนยันว่าทั้ง 2 เรื่อง ไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใด แต่มีผลต่อแคนดิเดตนายกฯของทุกพรรคการเมือง

 

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"