กรุงเทพฯ – วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ร่วมกับ ศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และพันธมิตร พัฒนาและเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4 เพื่อส่งเข้าแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge 2023 ที่ประเทศออสเตรเลีย
อาจารย์จิรวัฒน์ กรุณา รักษาการคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม กล่าวรายงานในการแถลงข่าว เปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และเปิดวิดีทัศน์เสนอเรื่องราวของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่รุ่น STC-1 เมื่อปี พ.ศ.2558, STC-2 พ.ศ.2560, STC-3 พ.ศ.2562 และปีล่าสุด STC-4 หรือ Thainamic รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ผลงานของอาจารย์และนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
สู่การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge 2023 ที่ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 22-29 ตุลาคม 2566 บนเส้นทางจากเมือง Darwin สู่ Adelaide รวมระยะทางกว่า 3,022 กิโลเมตร ท่ามกลางความท้าทายของสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เพื่อยกระดับนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ต่อยอดไปให้ไกลกว่าเดิม
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวต้อนรับและแถลงข่าว เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4
ผศ.พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช อธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุน โครงการออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4
พิธีมอบเสื้อให้ทีม STC-4 โดยนายเคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบรดิจสโตน จำกัด จากนั้น นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วย แขกคนสำคัญข้างต้น ทำพิธีเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4
ก่อนเข้าสู่การเสวนาหัวข้อ ‘อนาคตรถพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทดแทนในประเทศไทย’ โดย ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้, นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน กฟผ., นายอรรถพล แพรพลิ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และ ผศ.พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช อธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม โดยมี ดร.ฐกฤต ปานขลิบ ที่ปรึกษาโครงการรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นที่ 1 2 และ 3 เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผู้เสวนาต่างมีข้อคิดเห็นที่ตรงกันว่า สภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม และอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักว่า ต้องปรับตัวเพื่อรองรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง พลังงานเชื้อเพลิงเป็นสิ่งจำเป็นที่มนุษย์ไม่อาจขาดต่อการดำรงชีวิตได้ ดังนั้นแล้วเพื่อรักษาสมดุลให้โลกและความประสงค์ที่ต้องการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น คือร่วมกันหาทางออกที่ดีกว่าเดิม โดยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ที่สามารถลดการเกิดมลพิษได้ดี เป็นทางเลือกที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจและพยายามพัฒนานวัตกรรมนี้กันอย่างต่อเนื่อง
รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4 ผลงานผลิตและสร้างสรรค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมากที่สุด โดยใช้มาตรฐานเดียวกับการผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์ โดยมีหน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร และสูง 1.6 เมตร ระบบภายในตัวรถมีการส่งข้อมูลสื่อสารผ่านระบบ Cloud สามารถทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยทำระยะทางได้ถึง 1,200 กิโลเมตร/ชาร์จ จากพลังงานไฟฟ้าที่มาจากแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยสีขาว แดง น้ำเงิน พร้อมลวดลายความพลิ้วไหวจากหางปลากัดไทย โดยวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามมีความคาดหวังว่า รถ STC-4 จะสามารถนำไปต่อยอดเป็นรถต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดสำหรับเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานทดแทน อย่างพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศ โดยไทยเราจะสามารถสร้างอุตสาหกรรมพลังงานแหล่งใหม่ได้ ดังนั้น OKMD ซึ่งมีภารกิจในการพัฒนาและขับเคลื่อนนวัตกรรมความรู้ และศักยภาพทุนมนุษย์ในมิติต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและคุณภาพชีวิตของคนไทย
จึงพร้อมร่วมเดินหน้าส่งเสริมยานยนต์แห่งอนาคตของประเทศไทย โดยการบริหารจัดการ พัฒนาองค์ความรู้ สนับสนุนความร่วมมือต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็น เพื่อผลักดันนักศึกษาไทยก้าวไปสู่เวทีการแข่งขันระดับโลก รวมทั้งการนำความรู้เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานทางเลือก ไปเผยแพร่สู่ชุมชนและสังคม ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศและของโลก เพื่อใช้ในการต่อยอดเพื่อพัฒนาตนเอง การดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้นต่อไป
ด้านนายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน กฟผ. กล่าวถึงความสำคัญของการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อลดมลภาวะทางอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ EGAT Carbon Neutrality ในปี ค.ศ.2050 โดยดำเนินงานส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายของประเทศ
โครงการออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4 สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามแผนอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของประเทศ และเป็นการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จึงเห็นความเหมาะสมในการสนับสนุนโครงการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของนักศึกษาไทย ไปสู่การแข่งขันด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
ส่วนนายอรรถพล แพรพลิ้วงาม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ส่วนงานความยั่งยืน บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เปิดเผยนโยบายขององค์กร ที่ให้ความสำคัญในการรักษาความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ด้วยนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยทางองค์กรได้พัฒนาการผลิตยางรถยนต์ชนิดพิเศษจากวัสดุ Recycle มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จ 100% ภายในปี ค.ศ. 2040 ในการเข้าสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ STC-4 เพราะเห็นถึงความเป็นไปได้ของนวัตกรรมยานยนต์พลังงานทดแทน และเป็นการทดสอบถึงประสิทธิภาพของยางรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบและพัฒนาสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานในรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย
ขณะที่ ผศ.พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช อธิการบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ระบุถึงความสำคัญของการส่งมอบแรงบันดาลใจจากอาจารย์สู่นักศึกษา ความมุ่งมั่นที่จะสรรสร้างนวัตกรรมและนวัตกรในระดับอุดมศึกษาของวิทยาลัย การส่งผลงานเข้าประกวดในรายการระดับโลกเป็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง ผู้เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์มากมายที่สามารถต่อยอดและพัฒนาต่อได้ นอกจากนี้ยังเป็นการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการลงทุนในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคสมัยต่อจากนี้
ผู้เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้ มีความคิดเห็นตรงกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกนำมาใช้งานในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถกักเก็บพลังงานได้อย่างเพียงพอต่อการใช้งาน และถูกนำมาใช้ทั้งในและต่างประเทศ จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ไม่ใช่เพียงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยยกระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน
วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เชื่อมั่นว่า การแข่งขันในครั้งนี้ STC-4 หรือ Thainamic ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ถูกต้องตามหลักกลศาสตร์ และสามารถต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต จะสามารถทำผลงานการแข่งขันได้เป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้องค์ความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมที่ได้จากการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ หรือ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับประเทศไทยจนถึงระดับนานาชาติต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: