กรุงเทพฯ – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงคืบหน้า คดีกำนันนก จ่อแจ้งข้อหาตำรวจเพิ่ม 15 นาย ความผิดตามมาตรา 157 แต่ไม่พบความผิด ผกก.เบิ้ม เหตุช่วยเหลือผู้ถูกยิง เตรียมส่งกล้องวงจรปิดอีกตัวกู้ไฟล์
วันที่ 26 กันยายน 2566 ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำแถลงความคืบหน้าคดี นายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก ลูกน้องคนสนิทของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บ
โดย ผบช.ก. ระบุว่า ในวันเกิดเหตุมีตำรวจอยู่ร่วมในงานเลี้ยงทั้งหมด 29 นาย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก คนตาย คนเจ็บ
กลุ่มที่สอง ตำรวจที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และซุกซ่อนทำลายพยานหลักฐาน 6 นาย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
กลุ่มที่สาม ตำรวจที่ให้การช่วยเหลือคนตายและคนเจ็บ 6 นาย
กลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ (มาตรา 157) จำนวน 15 นาย ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ ส่วนข้อหาให้การเท็จยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม
ซึ่งได้ผ่านการประชุมหารือหลายครั้ง เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่าง ๆ รวมถึงข้อกฎหมายอย่างละเอียด ควบคู่กับพยานหลักฐาน กล้องวงจรปิด การสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ จนทำให้ทราบแน่ขัดว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้น ตำรวจจะต้องทำหน้าที่จับกุมตัวคนร้าย ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น ช่วยคนเจ็บ แต่จากข้อเท็จจริงพบว่า มีตำรวจเพียง 6 นาย ที่เข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและคนเจ็บ ดังนั้น ที่เหลืออีก 15 นายนี้ จึงจะต้องถูกดำเนินคดี
ส่วน พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม นั้น ผบช.ก. ระบุว่า จากพยานหลักฐาน รวมถึงคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างยืนยันว่าได้ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บจริง หลังเกิดเรื่อง ผกก.เบิ้ม ได้วิ่งไปที่รถของผู้ตาย เพื่อช่วยเหลือ ก่อนวิ่งลงจากรถเพื่อไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะ ระหว่างนั้นเจอผู้บาดเจ็บอีกคนกำลังหมดสติ จึงช่วยนำร่างขึ้นรถ แล้วพาไปที่โรงพยาบาล จึงจัดอยู่ในกลุ่มตำรวจทั้ง 6 นาย ที่ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
สำหรับกล้องวงจรปิด มีทั้งหมด 15 ตัว เสียไป 2 ตัว ที่ใช้การได้ 13 ตัว แต่มี 1 ตัว ที่บันทึกถึงเวลา 10.16 น. ซึ่งเป็นกล้องฯ เบอร์ 6 ที่ยังพยายามกู้ข้อมูลอยู่ เนื่องจากเป็นจุดสำคัญที่บันทึกภาพบริเวณลานจัดงาน แต่ถูกดึงปลั๊กหรือถอดสายแลนด์ออกก่อนเริ่มงาน จำเป็นจะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศช่วยตรวจสอบต่อไป คาดว่าหากสามารถกู้ข้อมูลมาได้ จะสามารถเห็นภาพสำคัญช่วงเกิดเหตุ และภาษากายของกำนันนกขณะสั่งการ แต่ยืนยันว่าถึงไม่ได้ข้อมูลนี้มา ก็สามารถเอาผิดกำนันนกได้แน่นอน
พล.ต.ท.จิรภพ ยังแถลงถึงการตรวจสอบการฮั้วประมูล บริษัทเครือข่ายกำนันนก ว่า จากการตรวจสอบ พบข้อพิรุธหลายประเด็น โดยพบ บริษัทเครือข่ายกำนันนก เปิดมาตั้งแต่ปี 2540 ร่วมประมูล 1,527 โครงการ ชนะประมูลถึง 1,314 โครงการ หรือคิดเป็น 85 % ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ใน จ.นครปฐม อีกทั้งยังมีสถิติชนะประมูลโครงการเพิ่มขึ้นมาก ตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประมูลเป็น e-bidding ปี 2558 ชนะในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพันหรือหมื่นบาทเท่านั้น บริษัทที่ร่วมประมูลยังเสนอราคาใกล้เคียงกันด้วย จะได้ประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบต่อไป
