อุบลราชธานี – รัฐมนตรีเกษตรฯ-มหาดไทย ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วม จ.อุบลราชธานี สั่งเร่งระบายน้ำ พร้อมหาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างจริงจัง
วันที่ 30 กันยายน 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ขวาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ สถานการณ์อุทกภัย พร้อมพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพ ข้าวสารบรรจุถุง หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) จำนวน 15 ราย เวชภัณฑ์ถุงยังชีพและหญ้าพระราชทาน แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ และน้ำหมักชีวภาพ ณ สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมือง และหอประชุมประชาวาริน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
หลังจากปริมาณฝนที่ตกสะสม ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 ที่สถานีวัดน้ำ (แม่น้ำมูล) M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี ระดับน้ำอยู่ที่ 112.70 ม. หรือสูงกว่าตลิ่งประมาณ 70 ซม. เพิ่มขึ้นจากวานนี้เล็กน้อย มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,718 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คาดการณ์ว่าระดับน้ำในแม่น้ำมูลจะขึ้นสูงสุดในวันที่ 2 ต.ค.66 ที่ระดับไม่เกิน 112.90 ม. หรือสูงกว่าตลิ่งประมาณ 90 ซม.
ทำให้บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชน และพื้นที่การเกษตร 9 อำเภอ ใน จ อุบลราชธานีได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.ม่วงสามสิบ วารินชำราบ เดชอุดม เมืองอุบลราชธานี ตระการพืชผล เหล่าเสือโก้ก ดอนมดแดง เขื่องใน และตาลสุม จำนวน 56 ตำบล 296 หมู่บ้าน/ชุมชน 10,572 ครัวเรือน พื้นที่ประสบภัยที่คาดว่าจะเสียหายรวมทุกชนิดพืช 46,387.75 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 44,993 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 724.25 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ 670.50 ไร่ วงเงินที่คาดว่าจะให้ความช่วยเหลือ 64 ล้าน 438,819 บาท
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านประมง คาดว่าจะเสียหาย 25.70 ไร่ และด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 244 ราย อพยพสัตว์ ทั้งโค กระบือ สุกร ไก่ เป็ด แพะ นกกระทา ห่าน รวม 10,506 ตัว และแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้รับความเสียหาย 71 ไร่
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้ใช้อาคารชลประทานทางตอนบนของแม่น้ำชี (เขื่อนชนบท เขื่อนมหาสารคาม เขื่อนวังยาง) และแม่น้ำมูล (เขื่อนราษีไศล) เพื่อหน่วงน้ำและผันเข้าระบบชลประทาน นำไปเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้า
ส่วนตอนกลางจะเร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนหัวนา เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร และเขื่อนธาตุน้อย ก่อนจะเร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนปากมูลลงสู่แม่น้ำโขงในอัตรา 3,372.5 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังต่ำกว่าระดับแม่น้ำมูลประมาณ 66 ซม. ทำให้การระบายน้ำยังคงทำได้ดี
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวมทั้งร่วมบูรณาการกับกองบิน 21 มณฑลทหารบกที่ 22 และชาวบ้าน เสริมแนวกระสอบทรายจำนวน 4,000 ใบ อีกทั้งยังได้จัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานยังคงเฝ้าติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุดในช่วงปลายฤดูฝน พร้อมปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน และ 3 มาตรการ (เพิ่มเติม) เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงทุกจุด จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรงเกษตรและสหกรณ์
ร้อยเอกธรรมนัส เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงสถานการณ์น้ำ ที่ จ.อุบลราชธานี จึงสั่งการให้หามาตรการหรือแผนรองรับสถานการณ์น้ำท่วมที่อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ โดยต้องบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ พร้อมกำชับว่าจะต้องมีแผนในการแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายกรมชลประทานหาเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาและเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: