กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เผย หารือเอกอัครราชทูตอิสราเอล ขอความช่วยเหลือปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และสนับสนุนภารกิจนำคนไทยกลับประเทศ ขณะที่ทูต ให้คำมั่น จะร่วมมือและให้ความช่วยเหลือคนไทยทุกทางที่ทำได้
วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 08.45 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือกับ นางออร์นา ซากิฟ (H.E. Mrs. Orna Sagiv) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอล ประจำประเทศไทย
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล หวังว่าสถานการณ์กลับเป็นปกติในเร็ววัน และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ไทยขอคัดค้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบโดยทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ รวมถึงคนไทย
ด้านเอกอัครราชทูตอิสราเอล ระบุว่า รัฐบาลอิสราเอลเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดแก่ผู้บริสุทธิ์ โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทย และผู้บริสุทธิ์ทุกคน พร้อมจะดูแลทุกคนที่อยู่ในประเทศอิสราเอลเหมือนเป็นพลเมืองของตนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่า อิสราเอลเผชิญกับสงครามรูปแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือกับรัฐบาลไทย ท่ามกลางสถานการณ์และความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้อพยพคนที่อยู่ในพื้นที่อันตรายออกมา 4 กิโลเมตร จากพื้นที่อันตราย
ทั้งนี้ ขณะนี้มีคนไทย 16 คน ถูกลักพาตัว จึงขอให้รัฐบาลอิสราเอลให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด รวมทั้งขอความสนับสนุนภารกิจการพาคนไทย ซึ่งลงทะเบียนต้องการกลับบ้านเกือบ 6 พันคน ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ขอให้เชื่อว่า จะร่วมมือทุกทาง ให้ความช่วยเหลือทุกทางที่ทำได้ เพื่อช่วยคนไทย และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้นายจ้างชาวอิสราเอลดูแลลูกจ้างชาวไทยทุกคนอย่างดีด้วย
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการหารือกับ เอกอัครราชทูตอิสราเอลฯ โดยร้องขอความช่วยเหลือ ใน 4 ประเด็น ดังนี้
1.กรณีคนงานที่เสียชีวิต ขอให้นำส่งประเทศไทยโดยเร็ว ซึ่งเอกอัครราชทูตรับที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ต้องมีขั้นตอนในการชันสูตร ตรวจพิสูจน์ทราบ ซึ่งก็จะมีเรื่องการได้รับเงินช่วยเหลือทดแทน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด
2.คนงานแสดงเจตจำนงกลับประเทศไทย ซึ่งชณะนี้มีประมาณ 6,000 คน โดยสามารถลำเลียงกลับได้วันละ 200 คน ความสำคัญคืออยู่ที่เครื่องบิน โดยจะมีการประชุมคณะทำงานเย็นนี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยเอกอัครราชทูตฯ ให้ความมั่นใจถึงความสำคัญของรัฐบาลในการลำเลียงคนไทยกลับประเทศ
3.คนงานที่ถูกบังคับให้ทำงาน ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ รับทราบ และจะหาข้อเท็จจริงให้ได้โดยเร็ว นายกรัฐมนตรีขอให้ลืมเรื่องผลประโยชน์ไปก่อน โดยให้ความสำคัญถึงความปลอดภัย ซึ่งสถานการณ์มีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ประเทศไทยไม่ได้มีส่วนในข้อพิพาท และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากเป็นลำดับต้น
4.เรื่องตัวประกัน ได้ขอร้องให้เอกอัครราชทูตฯ เร่งพยายามช่วยเหลือเจรจานำตัวประกันออกมาให้ได้ เพราะทุกคนถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ จะต้องได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว รัฐบาลใช้ทุกเส้นทาง ทุกวิถีทาง ขอให้มั่นใจว่าทำอย่างเต็มที่จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน
อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องบินเพื่ออพยพคนไทย จะต้องขออนุญาตเพื่อบินผ่านน่านฟ้าประเทศต่าง ๆ ทุกครั้ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเจรจา และหวังว่านานาชาติจะช่วยอำนวยความสะดวก แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความสำคัญสูงสุด คือ คนไทยต้องออกมาให้ได้เร็วที่สุด สำหรับอกสารเป็นเรื่องรอง ส่วนความคืบหน้าเจรจาประเทศที่ 3 ให้คนไทยไปพักพิง กระทรวงการต่างประเทศกำลังประชุมและเจรจา ซึ่งอาจจะเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยืนยันจะทำทุกวิถีทาง
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยังแจ้งว่า พร้อมให้เครื่องบินเดินทางออกทุกเมื่อ เพื่อขนย้ายคนไปในที่ปลอดภัย โดย 99 % ของชาวต่างชาติ ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง (Red Zone) แล้ว แต่ยังเหลือในพื้นที่อื่น ๆ ต้องดูต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: