กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ย้ำ ให้ถือเรื่องการช่วยเหลือคนไทย เป็นภารกิจของชาติ ที่ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญสูงสุด ด้านกระทรวงการต่างประเทศ เร่งหาศูนย์พักพิง/เที่ยวบินรับคนไทยออกจากอิสราเอล ตั้งเป้า อพยพให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 คน
วันที่ 13 ตุลาคม 2566 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทย และสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล ว่า
ขณะนี้อิสราเอลอยู่ระหว่างพิจารณาแผนจัดตั้งพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราว สำหรับผู้ที่อพยพออกจากพื้นที่รอบฉนวนกาซา และได้อพยพคนต่างชาติออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยได้กว่า 99 %
สำหรับผลกระทบต่อคนไทย ผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 21 คน บาดเจ็บ 14 คน (รวมทั้งผู้ที่ยังอยู่ในอิสราเอลและเดินทางกลับไทยแล้ว) ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 คน และมีรายงานพบคนไทยหลบซ่อนอยู่เพิ่มเติมอีก 2 คน มีผู้ยื่นความจำนงกลับประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 6,778 คน ผู้ยืนยันอยู่ต่อเพิ่มเป็น 85 คน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ถึงการช่วยเหลือคนไทย ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ให้ถือเป็นภารกิจของชาติ ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุด
โดยการอพยพคนไทย ชุดที่ 2 จำนวน 19 คน จะเดินทางมาด้วยสายการบินอิสราเอล แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน LY 085 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันนี้ (13 ต.ค.) เวลา 16.57 น. ซึ่งเที่ยวบินนี้ มีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ซื้อตั๋วกลับเอง ไม่ได้อพยพผ่านทางสถานทูต
วันที่ 14 ต.ค. จะมีคนไทยอีก 100 คน เดินทางกลับเป็นเที่ยวบินที่ 3 โดยจะเดินทางด้วยสายการบิน ฟลาย ดูไบ เที่ยวบิน FZ 1550 ออกเดินทางจากอิสราเอล วันที่ 14 ต.ค. เวลา 11.00 น. เปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อโดยสารต่อ ด้วยเที่ยวบิน FZ 1837 ออกจากนครดูไบ เวลา 20.00 น. และถึงไทยในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 07.25 น. ที่สนามบินอู่ตะเภา
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับสายการบินอิสราเอล แอร์ไลนส์ เพื่อจัดเที่ยวบินพิเศษ นำคนไทยกลับมา ในวันที่ 16 ต.ค. ประมาณ 250 ที่นั่ง แต่ยังรอการยืนยันเวลา รวมถึงสายการบินพาณิชย์อื่นที่สนับสนุนภารกิจครั้งนี้
ตั้งเป้าอพยพวันละอย่างน้อย 400 คน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงอีกว่า ตอนนี้ ตั้งเป้าอพยพคนไทยให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 คน จากทุกช่องทาง ขณะเดียวกัน สถานทูตได้จัดสถานที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งเป็นโรงแรมในกรุงเทลอาวีฟ เบื้องต้น จองห้องไว้ประมาณ 100 ห้อง สำหรับคนไทยที่มาจากพื้นที่อื่น ๆ เพื่อรอการเดินทางกลับประเทศ ซึ่งสถานทูตจะแจ้งให้คนไทยในอิสราเอลรับทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังประสานกับประเทศใกล้เคียง คือ จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อจัดตั้งศูนย์พักพิงระหว่างรอเดินทางกลับประเทศไทย โดยขอให้อนุโลมเรื่องเอกสารไว้ก่อน รวมถึงการเดินทางทางบกและช่องทางอื่น ๆ ซึ่งอาจมีการปรับได้ตามสถานการณ์ แต่การเดินทางโดยเครื่องบินตรง ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
นางกาญจนา ยังชี้แจงอีกครั้ง เรื่องแรงงานถูกบังคับให้ทำงานต่อในภาวะสงคราม โดยคาดว่าเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทูตไทยประจำอิสราเอล แจ้งว่า เป็นการโยกย้ายแรงงานออกมาสู่พื้นที่นิคมทางการเกษตรอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำกับ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ว่า ควรดูแลและให้แรงงานไทยได้พัก ในช่วงที่มีภาวะความเครียดและความกดดันจากสงคราม ซึ่งทูตอิสราเอลรับปากจะดูแลให้
