ปักกิ่ง – นายกรัฐมนตรี ขอให้แรงงานไทยในอิสราเอลที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เร่งตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับ ยืนยัน รัฐบาลพร้อมลำเลียงออกมาให้เร็วและปลอดภัยที่สุด หลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน
วันที่ 18 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล ว่า มีรายงานคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 30 คน ส่วนผู้บาดเจ็บและตัวประกันยังมีตัวเลขเท่าเดิม
ทั้งนี้ วานนี้ (17 ต.ค.) ได้พบปะกับ นายอันโตนิโอ กุเตอเรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และผู้นำหลายประเทศ ระหว่างงานเลี้ยงรับรอง ที่ประธานาธิบดีจี สี จิ้นผิง ของจีน เป็นเจ้าภาพ ทุกคนแสดงความห่วงใยสถานการณ์ที่อิสราเอล และทุกคนมั่นใจว่า สถานการณ์จะเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดี
ตนเองได้แจ้งกับเลขาธิการยูเอ็นว่า ไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง แต่กลับเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็นแสดงความตกใจ และแสดงความเห็นใจมายังประเทศไทย พร้อมแจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ จะเดินทางไปอียิปต์และไปยังจุดที่มีความขัดแย้ง เข้าใจว่าไปกดดันให้มีการยุติโดยสันติภาพให้เร็วที่สุด แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ดีเท่าไหร่ และแสดงความห่วงใยอย่างมาก พร้อมเป็นกำลังใจให้ประเทศไทย
ข่าวน่าสนใจ:
- นายกฯ แพทองธาร สนทนาทางโทรศัพท์ กับ “โดนัลด์ ทรัมป์ ”เช้านี้ แสดงความยินดีชนะเลือกตั้งยืนยันประเทศไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ ด้าน…
- กลุ่มผู้รับเหมาประกาศกฎเหล็กไม่ดำเนินงานต่อโครงการพลังงานสะอาด หาก UJV ไม่ชำระหนี้เก่าทั้งหมด
- ผ้าไทยใส่ให้สนุก” นายกฯเชิญชวนคนไทยอุดหนุนสินค้าผ้าไทย พร้อมส่งเสริมข้าราชการใส่ผ้าไทยร่วมงาน Silk Festival 2024 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2567…
- ตรัง อึ้ง!! เด็ก-เยาวชนหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 6 พันคน ศึกษาธิการตรังสั่งรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูล รับนโยบาย Thailand zero dropout
ขณะเดียวกัน ผู้นำหลายประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง พยายามเดินทางเข้าไปเจรจา ล่าสุด นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เตรียมเข้าไป เช่นเดียวกับประเทศอียิปต์ ที่มีส่วนร่วมในการช่วยเจรจา ซึ่งทุกประเทศเป็นห่วงสถานการณ์ เนื่องจากเห็นว่าไม่น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยกลับประเทศ ว่า ปัจจุบันสามารถนำตัวคนไทยออกมาได้เฉลี่ย 400 คนต่อวัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนกลับไทย ขึ้นเป็นวันละ 600 คน ดังนั้น ความจำเป็นในการนำเครื่องบิน A380 ซึ่งสามารถรองรับได้เที่ยวละ 500-600 คน ก็น้อยลง เนื่องจากไม่สามารถนำคนมารวมกันไว้ได้มากขนาดนั้น เพราะสถานที่ไม่สามารถรองรับได้
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะสามารถรับคนไทยที่แจ้งความประสงค์เดินทางกลับได้หมดภายในสิ้นเดือนนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดต่อกับท่าเรือ เพราะบางประเทศนำเรือสำราญไปรับคนออกมา เช่น สหรัฐฯ ไปรับออกมา 1,500-2,000 คน ออกมาจากอิสราเอล แล้วไปจอดที่ไซปรัส แต่ขณะนี้ท่าเรือปิดแล้ว จึงอาจจะลำบาก และมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อีกทั้งการรับคนออกมาจากพื้นที่เสี่ยง แล้วมารวบรวมไว้เป็นพันคนไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องโลจิสติกส์ (ขนส่ง) เป็นเรื่องที่ลำบากใจมาก
นายเศรษฐา ยังยอมรับว่า มีเรื่องความสับสนทางข้อมูล เพราะก่อนหน้านี้ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย แจ้งว่า สามารถอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงได้ถึง 99 % แต่ความจริงแล้วยังไม่ใช่ เพราะจากเที่ยวบินล่าสุด มีคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะกลับ ยังไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้หลายสิบคน ทำให้คนเดินทางกลับลดน้อยลง จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และหากสถานการณ์การสู้รบของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้น จะทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องนำคนไทยออกมาให้ได้มากที่สุด โดยจะต้องประสานด้านโลจิสติกส์ให้ดี ว่า หากนำตัวออกจากพื้นที่เสี่ยงได้แล้วจะทำอย่างไร และขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็พยายามติดต่อประสานเพื่อนำคนไทยออกมาให้ได้เร็ว และปลอดภัยที่สุด แต่การลำเลียงคนออกจากพื้นที่สีแดงไม่ใช่ทำได้ตลอดเวลา ต้องดูเรื่องเวลาด้วย ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามเจรจาและดำเนินการหลาย ๆ อย่าง
“ผมอยากให้คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เร่งตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับ เพราะความเสี่ยงอยู่ที่ตัวท่าน ส่วนหน้าที่ของรัฐบาลคือหากท่านแสดงความจำนงว่าจะกลับ เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อลำเลียงคนออกมาให้เร็วและปลอดภัยที่สุด” นายเศรษฐา ย้ำ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: