กรุงเทพฯ – กระทรวงการต่างประเทศ ประสานนำคนไทย 266 คน หนีภัยสงครามออกจากเมืองเล้าก์ก่าย ข้ามชายแดนจีน ขึ้นเครื่องบิน 2 ลำ จากคุนหมิง ลงสนามบินดอนเมือง คืนนี้ 70 % ยอมรับ สมัครใจไปทำงานร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาถึงจะต้องถูกดำเนินคดี
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ความคืบหน้า การช่วยเหลือคนไทย 266 คน ที่อยู่ในพื้นที่สู้รบ เมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ทางการเมียนมาจัดพาหนะนำคนไทยทั้ง 266 คน เดินทางข้ามด่านชายแดนไปยังประเทศจีน เพื่อไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตามที่รัฐบาลจีนจัดเตรียมไว้ ระหว่างรอทางการไทยไปรับตัวกลับประเทศ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ จัดเครื่องบินเช่าเหมาลำ 2 ลำ จากสายการบินแอร์เอเชียและไทยไลอ้อนแอร์ นำคนไทยกลับประเทศ จากนครคุนหมิง ลงที่ท่ากาศยานดอนเมือง เที่ยวบินแรก มาถึงเวลา 22.25 น. เที่ยวที่สอง 00.40 น.
ซึ่งเมื่อเครื่องบินอพยพคนไทยทั้ง 2 ลำ เดินทางถึงไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอำนวยความสะดวกแก่ในการตรวจคนเข้าเมือง และคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism-NRM) และผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า 70 % เป็นผู้สมัครใจไปทำงานผิดกฎหมายร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตนเอง ซื่งเมื่อกลับมา จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ใช้ความพยายาม ในการประสานขอความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศทั้งเมียนมาและจีน ซึ่งในการเคลื่อนย้ายคนไทยทั้งหมด เพื่อเดินทางกลับประเทศ ได้มีความพยายามเคลื่อนย้าย ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. พร้อม ๆ กับการปล่อยตัวคนไทย 41 คน กลับไทย ผ่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
แต่ในขั้นตอนเคลื่อนย้ายทั้ง 266 คน กลับพบปัญหา เพราะเมื่อวานด่านหนานซาน พื้นที่ชายแดนเขตติดต่อประเทศเมียนมาและประเทศจีนปิด คณะเดินทางจึงต้องเดินทางกลับที่พัก และออกเดินทางใหม่ในวันนี้
การให้ความช่วยเหลือคนไทยครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลจีน ในการอำนวยความสะดวกตั้งแต่ต้นทาง และระหว่างทางการอพยพ คือ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้รับความร่วมมือจากทางการเมียนมาและมูลนิธิอิมมานูเอล ในการช่วยดูแลคนไทยด้านอาหาร น้ำ และเครื่องนุ่งห่ม ระหว่างรอการอพยพที่เมืองเล้าก์ก่าย
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ได้รับการอำนวยความสะดวกจากรัฐบาลส่วนกลางและท้องถิ่น ในด้านเส้นทางการบินและการตรวจคนเข้าเมือง จนประสบผลสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ตลอดจนการช่วยเหลือคนชาติของมิตรประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ออกมาด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข จัดทีมแพทย์มาตรวจร่างกายคนไทยที่มีอาการป่วย 5 คน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง จัดอาหาร/น้ำดื่มให้แก่คนไทยก่อนการเดินทางกลับประเทศไทย
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง เร่งติดตามช่วยเหลือคนไทย ที่อาจยังหลงเหลืออยู่โดยเร็วต่อไป
เตรียมคัดแยกเหยื่อ ดำเนินคดีค้ามนุษย์ และแจ้งข้อหา ‘มีส่วนในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ’ และ ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน’
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า คนไทยทั้งหมดมีทั้งผู้ที่สมัครใจไปทำงาน โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีบางส่วนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกจริง ซึ่งขณะนี้ทางการไทยมีรายชื่อทั้งหมดแล้ว เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศ จะถูกนำตัวไปยัง ศูนย์บูรณาการคัดกรอง เขตหนองจอก กทม. โดยมี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร ทำการคัดแยกเหยื่อ ตามกระบวนการค้ามนุษย์ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่สมัครใจไปทำงาน ซึ่งพบว่ามีอยู่กว่า 70% เพราะมีรายชื่อว่าเคยถูกช่วยเหลือออกมาจากประเทศกัมพูชามาแล้วก่อนหน้านี้
2.กลุ่มที่ถูกหลอกจริง ๆ ซึ่งเป็นรายชื่อใหม่มีเพียง 30% เท่านั้น
โดยผู้ที่สมัครใจไปจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิด พระราชบัญญัติองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฐาน ‘มีส่วนในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ’ ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด และความผิดฐาน ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน’ เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้กลับไปก่อคดีอีก และต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการหลอกลวงคนไทยด้วย ส่วนกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อนั้น จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: