อุตรดิตถ์ – นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลต้อนรับตัวประกันชาวไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอล ชุดแรก 17 คน พร้อมแสดงความยินดี ที่อิสราเอล-ฮามาส ขยายการหยุดยิงเพิ่มเป็นวันที่ 7 หวังจะมีการปล่อยตัวประกันเพิ่ม สั่งเจรจาต่อเนื่อง จนกว่าตัวประกันไทยคนสุดท้ายจะได้รับการปล่อยตัว
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยินดีในข้อตกลงระหว่างรัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ประกาศขยายเวลาหยุดยิง จาก 4 วันเป็น 6 วัน และได้เพิ่มข้อตกลงอีก 1 วันเป็นวันที่ 7 ในวันนี้ พร้อมหวังว่าทุกฝ่ายจะยุติการใช้ความรุนแรง เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ และเปิดโอกาสให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการได้อย่างทั่วถึง
“นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า การขยายเวลาการหยุดยิงเพิ่มเติมเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งหวังว่าตัวประกันทั้งหมด รวมถึงตัวประกันชาวไทยจะได้รับการปล่อยตัวเพิ่ม พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ยังคงความช่วยเหลือ เจรจา พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่หยุดความพยายามที่จะช่วยเหลือตัวประกันคนไทยทุกคนให้ได้รับการปล่อยตัวกลับมาอย่างปลอดภัย” นายชัย กล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง อึ้ง!! เด็ก-เยาวชนหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 6 พันคน ศึกษาธิการตรังสั่งรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูล รับนโยบาย Thailand zero dropout
- นายกฯ แพทองธาร สนทนาทางโทรศัพท์ กับ “โดนัลด์ ทรัมป์ ”เช้านี้ แสดงความยินดีชนะเลือกตั้งยืนยันประเทศไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ ด้าน…
- กลุ่มผู้รับเหมาประกาศกฎเหล็กไม่ดำเนินงานต่อโครงการพลังงานสะอาด หาก UJV ไม่ชำระหนี้เก่าทั้งหมด
- จังหวัดสกลนคร ชวนเที่ยวเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส 2024 เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา
นายกฯ วิดีโอคอลต้อนรับ 17 ตัวประกันชาวไทย ที่เดินทางกลับจากอิสราเอล ชุดแรก
เมื่อเวลา 16.10 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลเพื่อต้อนรับ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งได้รับการปล่อยตัว 3 ชุดแรก รวม 17 คน กลับสู่ประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินที่ LY081 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 15.12 น.
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวทักทาย เพื่อต้อนรับคนไทยทุกคนกลับบ้าน ดีใจที่ทุกคนเดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีฯ และได้สอบถามถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว
ด้านนายปานปรีย์ รายงานสถานการณ์ ผู้ถูกจับตัวเป็นตัวประกันทั้ง 17 คน แข็งแรง มีกำลังใจดี ทางการอิสราเอลดูแลอย่างดี ขณะนี้ ได้ข่าวดีเพิ่มเติม มีคนไทยอีก 2 คน ได้ปล่อยตัวเพิ่ม จากนั้น ก็เพิ่มอีก 4 คน รวมเป็น 23 คน คงค้าง 9 คน และทางการไทยยังต้องทำภารกิจนี้ต่อไป จนกว่าอีก 9 คน จะได้รับอิสรภาพ
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับทางการอิสราเอล ซึ่งยืนยันว่าแรงงานไทยจะได้รับการดูแลและสิทธิประโยชน์อย่างดี ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ จะประสานความร่วมมือกับอิสราเอล เพื่อให้แรงงานไทยยังคงสามารถเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้
ขณะที่ตัวแทนแรงงานไทย กล่าวว่า ตอนนี้คนไทยมีกำลังใจขึ้นมาก และขอบคุณนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงแรงงาน เอกอัครราชทูตไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยเหลือจนได้รับการปล่อยตัว และเดินทางมาถึงไทยอย่างปลอดภัย รวมถึงรู้สึกดีใจที่เพื่อนแรงงานไทยที่ปลอดภัย และเดินทางกลับมาถึงไทยได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียใจกับแรงงานไทยที่เสียชีวิตไป 39 คน
ทั้งนี้ มีแรงงานหลายคนที่ครอบครัวเดินทางมารับกลับภูมิลำเนา ส่วนผู้ที่ไม่มีใครมารับ เจ้าหน้าที่ให้ขึ้นรถเพื่อไปส่งยัง ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือ สถานีขนส่ง เพื่อกลับภูมิลำเนาต่อไป
อิสราเอล จ่ายเงินช่วยเหลือตัวประกันทุกราย รายละ 460,000 บาท
แรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวออกมา จะได้รับสิทธิประโยชน์ จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนเงินสงเคราะห์กรณีภัยสงคราม รายละ 15,000 บาท เช่นเดียวกับแรงงานที่เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้ และหากประสบปัญหาด้านร่างกายหรือจิตใจ จะได้รับเงินสงเคราะห์ รายละ 30,000 บาท แต่ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ (ใบรับรองแพทย์)
ซึ่งจากการตรวจสอบ แรงงานไทยทั้ง 17 ราย ยังเป็นสมาชิกที่อยู่ในความคุ้มครองของกองทุนฯ 14 ราย อีก 3 ราย สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว
ในส่วนสิทธิประโยชน์จากอิสราเอล กระทรวงแรงงานได้รับการประสานว่า ผู้ถูกจับกุมตัวทุกรายจะได้รับเงินช่วยเหลือ ก้อนแรกเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท รวมถึงช่วง 6 เดือนแรก จะได้รับอีกประมาณเดือนละ 60,000 บาท รวมแล้วประมาณรายละ 460,000 บาท
สำหรับเงินค่าจ้างค้างจ่าย และเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (เงินปิซูอิม) อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: