กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี พอใจการเดินทางเตรียมร่วมประชุมอาเซี่ยน-ญี่ปุ่นมาก ได้หารือภาคเอกชนสำคัญ มั่นใจ กระตุ้นการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น เชื่อ ทุกโครงการที่หารือจะเกิดและเห็นผลสำเร็จในรัฐบาลนี้
วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น
โดยนายกรัฐมนตรี สรุปภารกิจวันแรกในวันนี้ ช่วงเช้าได้พบหารือกับ นายไซโต เค็น (H.E. Mr.Saito Ken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ และได้พบผู้นำต่างชาติเป็นคนแรก คือ นายกรัฐมนตรีไทย โดยได้ยืนยันถึงการค้าและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย
ส่วนการกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Thailand – Japan Investment Forum มีนักธุรกิจญี่ปุ่นกว่า 500 คน เข้ารับฟัง เป็นโอกาสยืนยันความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ที่มีมาอย่างยาวนาน และการลงทุนร่วมกัน รวมถึงประเด็นที่จะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พลังงานสีเขียว ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โครงการขนาดใหญ่ของไทย Landbridge
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
การหารือกับภาคเอกชนรายสำคัญ 8 บริษัท ได้แก่
บริษัท Mitsui พูดคุยเกี่ยวกับการตรวจเจาะการส่งก๊าซ ซึ่งเป็นประเด็นที่สนใจและมีความชำนาญ
บริษัท Honda เป็นบริษัทที่ลงทุนในประเทศไทยมานาน มีการลงทุนเยอะ มีแผนที่จะลงทุนอีกห้าหมื่นล้านบาทภายในห้าปีข้างหน้า โดยนายกรัฐมนตรีให้เร่งการลงทุน EV หรือ Plug-in เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
บริษัท Nissan ยืนยันที่จะลงทุนกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นบริษัทที่เริ่มทำธุรกิจด้าน EV แล้ว
บริษัท Mitsubishi สนใจที่จะผลิตรถ Pickup EV ซึ่งเป็นประเภทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสในการพัฒนาพลังงานสะอาด Zero Carbon
บริษัท Isuzu พร้อมลงทุน 32,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่มีการลงทุน 20,000 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งให้เริ่มลงทุนเร็วขึ้นและใช้ไทยเป็นฐานการส่งออก
บริษัท Mazda มีทั้ง supply chain และฐานการผลิตในประเทศไทย เป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานและใช้ซัพพลายในไทยเยอะ
บริษัท Suzuki ลงทุนในไทยมานานแล้ว และขอให้ไทยส่งเสริมการลงทุนต่อ โดยในนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ผลิตมอเตอร์ไซค์ EV ในประเทศไทย
บริษัท Toyota เป็นบริษัทที่มีการลงทุนใหญ่ที่สุดอยู่ในไทยมากกว่า 60 ปีแล้ว รุ่น Hilux ขายดีที่สุด ทั้งนี้ ประเด็นที่โตโยต้าห่วงกังวลคือเรื่อง Charging Station โดยเมื่อรัฐบาลให้ความมั่นใจเรื่องนี้ ทางโตโยต้าก็จะเร่งการผลิต EV ให้เร็วขึ้น อีกส่วนคือ Toyota ทำเรื่อง Leasing ซึ่งตรงกับประเด็นที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา รัฐบาลได้เสนอให้โตโยต้าช่วยเรื่องการปรับหนี้ โดยทางโตโยต้าก็รับปากจะดูแลให้
เมื่อได้หารือวันนี้แล้ว ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญกับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นมากขึ้น และเมื่อหารือก็มีความสนใจด้านพลังงานไฮโดรเจน พลังงานทางเลือก และพลังงานน้ำ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงยอดจองรถยนต์ ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ที่ 40% เป็นรถยนต์ EV ว่า ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นตัวเร่ง Charging Station/High Speed Charging (สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า) ในประเทศไทยให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า พอใจในการเดินทางครั้งนี้มาก ทีมงานที่เกี่ยวข้องทำการบ้านมาอย่างดี ทำให้การพูดคุยกันเป็นไปด้วยมิตรภาพ เปิดโอกาสให้มีการเร่งการลงทุนได้อย่างลงตัว มั่นใจว่าโครงการเหล่านี้ทุกโครงการจะเกิดขึ้นภายในสี่ปี สำเร็จเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: