กรุงเทพฯ – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผย เตรียมขอหมายจับผู้ใกล้ชิดแก๊งตบทรัพย์อีก 1 คน พร้อมเร่งสอบเจ้าของบัญชีม้า วอน ผู้เสียหายวงอื่น ๆ เข้าแจ้งความ อย่ากลัว
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้า การดำเนินคดีตบทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว หลังจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม ในวันนี้ ว่า เป็นหลักฐานที่มีประโยชน์ต่อคดี และจะนำไปรวมกับสำนวนที่ทำไปแล้วก่อนหน้านี้
ซึ่งจากพฤติการณ์ที่นายอัจฉริยะได้มา สอดคล้องกับแนวทางการสืบสวนสอบสวนของ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
คดีนี้ มีการออกหมายเรียกพยาน ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และพลเรือน มาให้ปากคำแล้วกว่า 10 ปาก และเร็ว ๆ นี้ จะขอศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน เป็นบุคคลใกล้ชิดกับ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้
สำหรับบัญชีม้า มีผู้สมัครใจจะเข้าให้ข้อมูล ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ต้องการออกหมายจับ แต่ต้องการเรียกตัวมาสอบสวน ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร และเพราะอะไรบัญชีจึงตกไปอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยต่อว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีหนังสือแต่งตั้ง คณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว เพิ่มเติมอีกชุด โดยให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ช่วยทำคดีด้วย ทั้งด้านการสืบสวนสอบสวน ร่วมกับ บก.ปปป.ที่ทำคดีอยู่เดิม
เพราะมีการขยายวงขอบเขตการสืบสวนสอบสวนไปมาก และมีพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบจำนวนมาก อาจทำให้การทำสำนวนล่าช้า ไม่ทันส่งสำนวนให้อัยการ เนื่องจากมีกำหนดเวลาอีกเพียง 2 เดือน หรือ 6 ผัดฟ้องเท่านั้น
รอง ผบช.ก. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้เสียหายวงอื่น ๆ ติดต่อมายัง บก.ปปป.แล้ว 2 วง แต่ยังไม่ได้แจ้งความ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ส่วนผู้เสียหายวงอื่น ๆ ที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะมีส่วนในการกระทำการทุจริตด้วยนั้น เป็นคนละเรื่องกัน แต่ถือเป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำให้ไม่สามารถขยายวงความเสียหายออกไปได้ จึงอยากให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มองเหตุการณ์ไฟไหม้ บริเวณชั้น 2 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ไม่ผิดปกติ แม้มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ก็ไม่ส่งผลต่อคดี เพราะตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีผู้ต้องหาได้แล้ว แต่ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ จะได้ทราบว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีเสียหายหรือไม่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: