กรุงเทพฯ – ตำรวจไซเบอร์ จับชายวัย 42 ปี หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ สถาบันการเงินเอกชนเห็นแก่เงิน ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคลของลูกค้าออกขาย ตกไปถึงมือแก็งคอลเซ็นเตอร์
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองช้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ร่วมกันสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับการละเมิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
จนสืบทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ สถาบันการเงินเอกชนแห่งหนึ่ง คือ นายสุวรรณอายุ 42 ปี ชาว จ.นนทบุรี มีพฤติกรรมลักลอบนำข้อมูลลูกค้าของสถาบันการเงินที่ทำงานอยู่ มาดัดแปลงแก้ไข และนำไปจำหน่ายต่อให้กลุ่มที่สนใจ อาทิ ตัวแทนสินเชื่อตัวแทนประกัน และยังมีบางกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลคังกล่าว ตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข่าวน่าสนใจ:
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 3 กองบังคับการ สอท.5 จึงรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขอศาลอาญาออกหมายจับ นายสุวรรณ ในความผิดฐาน
‘ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ’ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560’
ต่อมา วันที่ 7 ก.พ.67 ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 จึงไนำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรีเข้าตรวจคันบ้านพักในซอย 11 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบนายสุวรรณพักอาศัยอยู่ในบ้าน และยังพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์พกพา และโทรศัพท์มือถือที่เก็บไฟล์ภาพข้อมูลของลูกค้าและประชาชน ที่ซื้อขายข้อมูลมาจากบุคคลอื่น และข้อมูลของลูกค้าที่ตนเองถือเก็บไว้
เบื้องตัน นายสุวรรณ ยอมรับว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ในการประสานงานกับลูกค้า จึงเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ส่วนหนึ่ง จดบันทึกและจัดทำเป็นไฟล์เอกสาร แล้วนำไปจำหน่ายต่อให้แก่กลุ่มนายหน้าประกัน หรือ นายหน้าสินเชื่อของสถาบันการเงินอื่น ๆ ครั้งละ 3,000-5,000 รายชื่อ
ทำให้นายสุวรรณมีรายได้เพิ่มเติมในแต่ละเดือนหลายหมี่นบาท โดยกระทำมาแล้วกว่า 1-2 ปี
ตำรวจจึงนำตัวนายสุวรรณ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 ดำเนินคตีตามกฎหมาย รวมทั้งประสานกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส) เพื่อตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่รั่วไหล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน และสืบสวนขยายผล
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ระบุว่า การหลอกลวงของมิจฉาชีพในปัจจุบันมีอการเปลี่ยนวิธีการ โดยใช้วิธีซื้อข้อมูลเหยื่อจากกลุ่มตลาดมืดที่เป็นข้อมูลพรีเมียม คือ เป็นเหยื่อที่มีเครดิตชั้นดี ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถตีสนิทเหยื่อได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีข้อมูลจำเพาะเจาะจง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ภาคเอกชน ติดต่อมาจริง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งปราบปรามผู้กระทำผิดในลักษณะนี้ตามนโยบายของรัฐบาล ผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: